xs
xsm
sm
md
lg

ASPS ลดน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยเหลือ 25% วิตกโควิด-19 ฉุด ศก.-กำไร บจ.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเซียพลัส ปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยลง 5% เหลือ 25% น้อยกว่าตลาด หันลงทุนหุ้นผันผวนต่ำ ปันผลสูง เหตุวิตกแพร่ระบาดโควิด-19 เร่งตัว แต่ฉีดวัคซีนต่ำ และต้องใช้มาตรการควบคุมเข้มงวด กระทบเศรษฐกิจ และกำไร บจ. ชู MCS, SPALI และ TVO ประเมิน SET ยังไม่ทะลุผ่านแนวต้านที่ 1,550 จุด ขณะที่คงน้ำหนักลงทุนหุ้นต่างประเทศที่ 35% ที่เหลือเป็นตราสารทุนอื่น ตราสารหนี้ และเพิ่มลงทุนตลาดเงินเป็น 15%

ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส (ASPS) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกกลับมาสร้างความกังวลอีกครั้ง หลังจากสายพันธุ์เดลตาระบาดในหลายประเทศ ฝ่ายวิจัยได้ปรับลดน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยลง 5% เหลือ 25% (น้อยกว่าตลาด) โดยเน้นการลงทุนในหุ้นผันผวนต่ำ หรือปันผลสูงเป็นหลัก เพื่อช่วยลดความผันผวนพอร์ตรวม ขณะที่สัดส่วนการลงทุนในตราสารลงทุนอื่นๆ เน้นลงทุนใน Product ที่ลงทุนในหุ้นไทยอย่าง ELN 10% (เท่าตลาด) ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากสภาวะตลาดหุ้นผันผวน และขาดปัจจัยหนุนได้เป็นอย่างดี พร้อมกับคงน้ำหนักตราสารหนี้ไว้ 15% (น้อยกว่าตลาด) ส่วนสุดท้าย คือ ตลาดเงินเพิ่มน้ำหนัก 5% เป็น 15% รอจังหวะลงทุนในเดือนถัดไป 

เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังมีความกังวลจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เร่งตัวขึ้น แต่การฉีดวัคซีนต่ำ (เพราะไม่มีวัคซีนเข้ามาในเวลาที่ต้องการ) ทำให้ต้องมีการใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวด ทำให้เกิด Downside ทั้งประมาณการตัวเลขจีดีพี และกำไรบริษัทจดทะเบียน

อย่างไรก็ตาม ประเทศที่มีการฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรที่สูงผลกระทบทางเศรษฐกิจจะน้อยกว่า เช่น ยุโรป และสหรัฐฯ ฝ่ายวิจัยจึงคงคำแนะนำตามเดิม โดยคงน้ำหนักหุ้นต่างประเทศไว้ที่ 35% (มากกว่าตลาด) ส่วนตลาดหุ้นไทยยังมีความกังวลจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เร่งตัวขึ้น แต่การฉีด Vaccine ต่ำ (เพราะไม่มี Vaccine เข้ามาในเวลาที่ต้องการ) ทำให้ต้องมีการใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวด ทำให้เกิด Downside ทั้งประมาณการ GDP Growth และกำไรบริษัทจดทะเบียน

ดังนั้น สัดส่วนพอร์ตลงทุน แนะหุ้นต่างประเทศ 35% หุ้นไทย 25% ตราสารหนี้ 15% และตราสารทางเลือก 10%

เชื่อ SET Index จะยังไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านที่ 1,550 จุด

นอกจากนี้ สัญญาณความกังวลเรื่องโควิด-19 ในหลายประเทศทั่วโลก ค่าระวางสายการเดินเรือที่ทำ All time high ต่อเนื่อง และการติดเชื้อที่เห็นมากขึ้นในหลายโรงงานในประเทศ ทั้ง 3 ปัจจัยท้าให้เริ่มกังวลต่อแนวโน้มเรื่องการส่งออกของประเทศ ซึ่งปัจจุบันเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทย

ส่วนในอีกทางหนึ่งค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอาจเป็นตัวช่วยภาคการส่งออก แต่ในเชิงของ Sentiment การลงทุนในตลาดหุ้นแล้วถือว่าเป็นกลไกที่ท้าให้ Fund Flow ต่างชาติไหลออกจากนี้ไปยังมีโอกาสที่เงินบาทจะอ่อนค่าต่อหากตลาดเชื่อว่า กนง. จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ภายใต้สถานการณ์แวดล้อมดังกล่าว เชื่อว่า SET Index จะยังไม่ผ่านแนวต้านส้าคัญขึ้นไปได้ เชื่อว่า SET Index จะยังไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านที่ 1,550 จุด โดย Top Pick เลือก MCS, SPALI และ TVO


กำลังโหลดความคิดเห็น