นางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 รัฐวิสาหกิจ 43 แห่ง ที่ สคร. กำกับดูแลโดยตรงมีผลการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมเป็นไปตามแผน โดยสามารถเบิกจ่ายได้ 191,891 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 101 ของแผนการเบิกจ่ายสะสม ประกอบด้วย การเบิกจ่ายงบลงทุน 9 เดือนของรัฐวิสาหกิจระบบปีงบประมาณ (ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563-เดือนมิถุนายน 2564) 34 แห่ง จำนวน 112,744 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 98 ของแผนการเบิกจ่ายสะสม และการเบิกจ่ายงบลงทุน 6 เดือนของรัฐวิสาหกิจระบบปีปฏิทิน (เดือนมกราคม 2564-เดือนมิถุนายน 2564 ) 9 แห่ง จำนวน 79,146 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 106 ของแผนเบิกจ่ายสะสม
น.ส.ปิยวรรณ ล่ามกิจจา ที่ปรึกษาด้านพัฒนารัฐวิสาหกิจ กล่าวเสริมว่า ณ สิ้นเดือน มิถุนายน 2564 รัฐวิสาหกิจหลายแห่งสามารถเบิกจ่ายได้เป็นไปตามแผนหรือสูงกว่าแผน เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) โดยมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่สามารถเบิกจ่ายได้สูงกว่าแผน เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1 (ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา) โครงการรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ของ รฟท. โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ของ รฟม. และแผนปรับปรุง และขยายระบบจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าฉบับที่ 12 ของ กฟน. ทั้งนี้ มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่เบิกจ่ายล่าช้า เช่น โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ 2554-2560) และโครงการทางวิ่งเส้นที่ 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม-ชุมพร และโครงการรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ของ รฟท. และแผนก่อสร้างอาคารศูนย์บริหารทางพิเศษ (ระยะที่ 2) ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
นางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้อำนวยการ สคร. กล่าวสรุปว่า ในเดือนมิถุนายน 2564 รัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ดีและเป็นไปตามแผน อย่างไรก็ดี ปัจจุบันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลกระทบต่อบางโครงการ/แผนงานเนื่องจากบุคลากรไม่สามารถเข้าพื้นที่ที่อยู่ในเขตควบคุมและเฝ้าระวังเพื่อก่อสร้างหรือตรวจรับงานได้ รวมทั้งขาดแคลนแรงงานในการก่อสร้าง ดังนั้น สคร. จึงได้ทำงานร่วมกับรัฐวิสาหกิจอย่างใกล้ชิด และประสานการทำงานร่วมกับกระทรวงต่างๆ ในที่ประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา เพื่อช่วยผลักดันโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่ยังสามารถดำเนินการได้ และเตรียมความพร้อมการดำเนินการในเรื่องต่างๆ เพื่อให้การลงทุนของรัฐวิสาหกิจเป็นไปตามเป้าหมายและเป็นเครื่องมือของภาครัฐในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อไป