ตลาดหลักทรัพย์ฯ แขวนป้าย SP หุ้น "สตาร์ ยูนิเวอร์แซล เน็ตเวิร์ค" เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน เหตุบริษัทแจ้งหยุดดำเนินธุรกิจเกือบทั้งหมด ขณะที่บอร์ดบริษัทเห็นชอบ และ STAR แจงก่อนหน้านี้ คงเหลือธุรกิจการผลิต Content รวมทั้งเปลี่ยนวิธีการบันทึกเงินลงทุนใน Shenton จากบริษัทย่อยเป็นบริษัทร่วม และอยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจใหม่
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. ขึ้นเครื่องหมาย SP หลักทรัพย์บริษัท สตาร์ ยูนิเวอร์แซล เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ STAR ในวันที่ 9 ส.ค.2564 เนื่องจากอยู่ระหว่างพิจารณาการเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนกรณีบริษัทมีการหยุดประกอบกิจการทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด เนื่องจาก STAR แจ้งต่อ ตลท. ถึงการหยุดดำเนินธุรกิจจำหน่ายและให้บริการงานด้านวิศวกรรม สื่อและประชาสัมพันธ์ และตู้กาแฟหยอดเหรียญซึ่งเป็นธุรกิจทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดของบริษัทนั้น ได้ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท และเป็นไปตามกฎหมาย กฎเกณฑ์และข้อบังคับบริษัทแล้ว (รายละเอียดตามข่าวบริษัทวันที่ 2 และ 9 สิงหาคม 2564) ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะพิจารณาประเด็นดังกล่าวภายใน 7 วันทำการ หรือภายในวันที่ 18 สิงหาคม 2564
ทั้งนี้ STAR ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าบริษัทประกอบธุรกิจจำหน่ายและให้บริการงานด้านวิศวกรรม บริษัทได้ดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา โดยมุ่งหวังที่จะสร้างรายได้และผลตอบแทนในระยะยาวให้แก่กิจการได้ ต่อมาบริษัทฯ ได้ว่าจ้างให้บริษัทเอกชนรายหนึ่งดำเนินการก่อสร้างระบบไฟฟ้าและสื่อสาร งานระบบสุขาภิบาลและงานดับเพลิงในโครงการแห่งหนึ่ง และผู้รับจ้างรายดังกล่าวได้ทิ้งงานทำให้บริษัทฯ ได้รับความเสียหายและได้ดำเนินการฟ้องร้องเพื่อเรียกค่าเสียหาย ซึ่งบริษัทฯ ชนะคดีและศาลได้มีคำสั่งให้จำเลยชำระเงิน จำนวน 41.52 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา ซึ่งบริษัทหยุดกิจกรรมงานทางด้านวิศวกรรม และกำลังมุ่งเน้นกิจกรรมด้านการค้าประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
นอกจากนี้ บริษัท สตาร์ เมด โซลูชั่น จำกัด (บริษัท สตาร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ประกอบธุรกิจสื่อและประชาสัมพันธ์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จนถึงวันสิ้นสุดของสัญญาในวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 และบริษัทไม่ต่อสัญญาเนื่องจากอายุเวลาของสัมปทานที่มักจะมีจำกัด การต่อสัญญาสัมปทานในแต่ละครั้งมีความเสี่ยงจากการเข้าแข่งขันของคู่แข่ง และการเปลี่ยนของข้อตกลงทางธุรกิจที่สำคัญ เพราะพื้นที่สื่อในรอบหลายปีที่ผ่านมาได้ถูกขยายขึ้นในปริมาณที่สูงมากทั้งจำนวนช่องโทรทัศน์ (ดิจิทัลและเคเบิลท้องถิ่น) ที่มีเพิ่มมากขึ้น รวมถึงป้ายดิจิทัลที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากทั่วกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และตามหัวเมืองต่างใหญ่ๆ รวมถึงพื้นที่ขายสื่อออนไลน์ที่นับวันยิ่งมีบทบาทมากขึ้นเป็นลำดับ และบริษัทได้เคยแจ้งในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี 2563 ว่าธุรกิจนี้ได้หมดสัญญาลงแล้วและบริษัทไม่ได้พิจารณาต่ออายุสัญญาและธุรกิจตู้กาแฟหยอดเหรียญ
ดังนั้น บริษัทเจราจาธุรกิจกับบริษัทเอกชนรายหนึ่งในการรวมผลิตตู้กาแฟหยอดเหรียญเพื่อจำหน่ายในประเทศ โดยบริษัทฯ ได้ว่าจ้างให้บริษัทเอกชนรายหนึ่งดำเนินการผลิตตู้กาแฟหยอดเหรียญให้แก่บริษัทฯ แต่ขั้นตอนการทดสอบตู้ต้นแบบ ทั้งระบบและตัวเครื่องกลับพบปัญหาหลายอย่างซึ่งบริษัทฯ ได้แจ้งให้ผู้รับจ้างได้ทราบเพื่อดำเนินการแก้ไขให้ตรงกับที่บริษัทได้แจ้งไป ประกอบกับผู้ผลิตตู้กาแฟอยูในประเทศจีน การสื่อสารและการจัดส่งตู้ต้นแบบทำได้ยากเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้พบปัญหาหลายอย่างและไม่ทันต่อการวางจำหน่าย จึงได้พิจารณาให้ทนายความดำเนินการฟ้องร้องเพื่อเรียกคืนเงินมัดจำที่บริษัทได้จ่ายไป 5.7 ล้านบาท
ทั้งนี้ การหยุดดำเนินธุรกิจดังกล่าวข้างต้นเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 13/2564 เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2564 โดยคณะกรรมการได้มีมติอนุมัติให้หยุดดำเนินธุรกิจดังกล่าวข้างต้น เนื่องจากไม่สามารถสร้างรายได้และผลตอบแทนที่เพียงพอให้บริษัทเติบโตในระยะยาว และเป็นไปตามกฎหมาย กฎเกณฑ์และข้อบังคับบริษัท
นายธนกฤต อัจฉริยะสมบัติ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แจ้งว่า “การเจรจากับคู่ค้าในประเทศออสเตรเลียถูกเลื่อนออกไปตามคำสั่งศาล เลขที่ CIV/2823/2019 ระหว่างบริษัทฯ กับคู่ค้าซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ จากเดิมวันที่ 4 สิงหาคม 2564 เลื่อนเป็นวันที่ 27 ตุลาคม 2564
พร้อมกับแจ้งความคืบหน้าการติดตามการรับชำระหนี้เงินให้กู้ยืมแก่กิจการอื่นในประเทศ 2 ราย คือเงินกู้ยืมระยะสั้นแก่กิจการอื่น 75 ล้านบาท ได้รับชำระคืน 10 ล้านบาท กำหนดชำระครั้งต่อไป คือวันที่ 30กันยายน 2564 จำนวน 25.0 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดหนี้คงเหลือ จำนวน 50.0 ล้านนบาท และอีกหนึ่งรายเงินให้กู้ยืมระยะสั้นแก่กิจการอื่น 55.0 ล้านบาท ซึ่งบริษัทติดตามการรับชำระหนี้ 55.0 ล้านบาท โดยลูกหนี้ได้มีหนังสือฉบับลงวันที่30 กรกฎาคม 2564 แจ้งขอเลื่อนการชำระหนี้และปรับแผนการชำระหนี้ใหม่ พร้อมดอกเบี้ย ภายในวันที่ 11 สิงหาคม 2564
อย่างไรก็ตาม ได้ชี้แจงก่อนหน้านี้ว่าปัจจุบัน บริษัทหยุดดำเนินธุรกิจจำหน่ายและให้บริการงานด้านวิศวกรรมสื่อและประชาสัมพันธ์ ตู้กาแฟหยอดเหรียญ คงเหลือธุรกิจการผลิต Content คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือนซึ่งจะรับรู้ส่วนได้เสีย 20% ภายในไตรมาสที่ 1/2565 รวมทั้งเปลี่ยนวิธีการบันทึกเงินลงทุนใน Shenton จากบริษัทย่อยเป็นบริษัทร่วม และอยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจใหม่
ขณะที่ ตลท. เตือนขอให้ผู้ลงทุนใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายหลักทรัพย์ และโปรดศึกษาข้อมูลของ STAR โดยละเอียดรอบคอบ เช่น ฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน ความเห็นผู้สอบบัญชีข่าวย้อนหลัง เป็นต้น ตลอดจนความเสี่ยงและปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงติดตามความคืบหน้าการสรรหาธุรกิจใหม่ของบริษัทต่อไป