แม้ข่าวร้ายการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงมีความรุนแรงและระบาดเป็นวงกว้าง ซึ่งสถานการณ์ล่าสุด (4 ส.ค.) เป็นวันแรกที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 20,200 คน เสียชีวิตเพิ่มเติม 188 คน ส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสมทะลุหลักครึ่งล้านคนมาอยู่ที่ 643,522 คน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ขณะที่รัฐบาลได้มีการประกาศและขยายพื้นที่ล็อกดาวน์เพิ่มเป็น 29 จังหวัด เพื่อควบคุมการระบาด มีการประเมินจะกระทบเศรษฐกิจเดือนละ 3-4 แสนล้านบาท เนื่องจากจังหวัดที่มีการล็อกดาวน์มีสัดส่วนต่อจีดีพีถึง 70-80% เพราะมีการจับจ่ายใช้สอยค่อนข้างเยอะ รวมถึงหากยังไม่สามารถควบรุมการระบาดได้ภายในเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ อาจทำให้ เศรษฐกิจไทยปีนี้ติดลบจากที่คาดว่าจะเติบโตประมาณ 1.2-1.6%
ในขณะเดียวกัน ได้มีการ “ปลดล็อก” การปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง ให้กลับมาเปิดแคมป์และดำเนินกิจการได้ โดยต้องดำเนินมาตรการป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่เฉพาะ Bubble and Seal เพื่อป้องกันการระบาดในแรงงานก่อสร้าง
สำหรับเงื่อนไข Bubble and Seal ที่กรมควบคุมโรค ระบุ เป็นการควบคุมการระบาดโรคในสถานประกอบการ เรือนจำ หรือที่พักคนงานที่มีคนกิจกรรมร่วมกันเป็นประจำมากกว่า 500 คนขึ้นไป ต้องดำเนินกิจการภายใต้การปฏิบัติตามมาตรการควบคุมป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด และยังต้องดำเนินการภายใต้มาตรการเดินทางเคลื่อนย้ายระหว่างที่พักและสถานที่ทำงาน ภายใต้การกำกับควบคุม (Sealed Route)
ซึ่งในความเข้มงวดดังกล่าว ในมุมกลับแล้วผู้ประกอบการบริษัทอสังหาฯ และบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ได้มีมาตรการที่ดูแลอย่างเข้มข้นที่อาจจะเกินกว่ามาตร Bubble and Seal อย่างไรก็ดี แน่นอนว่าในมาตรการป้องกันจะแฝงมาด้วยกับต้นทุนและค่าใช้จ่ายในแต่ละวันที่เพิ่มขึ้น
"แสงฟ้าก่อสร้าง" เร่งงานโครงการ ส่งมอบดีเวลลอปเปอร์
นพ.เชิดศักดิ์ อัมพรสุขสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด ผู้เชี่ยวชาญในงานก่อสร้างอาคารสูง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในประเด็นในระยะสั้นการกลับมาเปิดแคมป์ก่อสร้างว่า จริงๆ แล้วจะเป็นผลดีทางด้านเศรษฐกิจ การจะล็อกทั้งหมดคงไม่ได้ จะมีผลต่อสุขภาพเศรษฐกิจ แต่การจะปลดล็อกเศรษฐกิจก็ต้องมาดูเหตุผลต่อสุขภาพ จะมีวิธีป้องกันการระบาดต่อไปได้อย่างไร
“Policy ที่ออกมาถูกต้องครับ คือ Bubble and Seal เป็นทางแก้ ซึ่งผมพูดก่อนจะมีการปิดแคมป์ด้วยซ้ำ ปิดไปก็ไม่ได้หยุดการแพร่กระจาย แต่ถ้าเราสามารถทำให้การก่อสร้าง และการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นระบบปิด ไม่ได้ไปอยู่ในชุมชนได้จะเป็นการตอบโจทย์ปัญหาทั้งหมด ดังนั้น การเปิดแล้ว เราก็ต้องหากลวิธีในการเดินต่อไปดีกว่า ซึ่งจะเห็นว่าโรงงานก่อสร้าง หรือแคมป์จะเป็นพื้นที่เฉพาะ ไม่เหมือนกับห้างสรรพสินค้าหรือบางพื้นที่เป็นพื้นที่สาธารณะ ตรงนี้เราเข้าใจในแง่ของการล็อกดาวน์ ในการป้องกันคนมาเจอกัน กรณีของผู้ประกอบการแต่ละที่ แต่ละคนต้องตอบโจทย์ตัวเองให้ได้ จะมีวิธีป้องกันการติดเชื้อจะทำอย่างไร เพราะไม่ใช่ที่สาธารณะ”
กรรมการผู้จัดการ อธิบายถึงแนวทางการบริหารจัดการการก่อสร้างโครงการให้ผู้ประกอบการหลังเปิดแคมป์ว่า เราเข้าใจสถานการณ์ก่อนจะปิดแคมป์ด้วยซ้ำ เนื่องจากผมเห็นปัญหาว่า หลังเปิดมาแล้วจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่เราทำ คือ การดูแลคนงานให้ดี จะไม่กลายเป็นประเด็นตอนเปิดทำงานตามไซต์งาน ซึ่งคนของผม (แรงงาน) ไม่ได้ไปไหน แต่ในด้านของผลประกอบการในครึ่งปีหลังอาจจะชะลอลงไปบ้าง เนื่องจากมี 1 เดือน (ก.ค.64) ที่หายไปบ้าง แต่จะไม่ได้เป็นสัดส่วนโดยตรงมากนัก
“ตอนนี้เจ้าของงานทุกที่ขอให้เราเร่งงานให้ด้วย แต่มันขึ้นว่าจะเร่งได้ หรือไม่ได้ในช่วงนี้ เช่นในเรื่องบางอย่างที่ไม่ต้องทำตามลำดับพอจะเร่งได้ อาจจะต้องใช้คนงานที่มากขึ้น ทำให้นานขึ้นต่อวัน มีเรื่องค่าล่วงเวลาที่เพิ่มขึ้น แต่อะไรที่เป็น Technical ต้อง 1 ต้อง 2 และต้อง 3 และหายไป 1 เดือน ตรงนี้อาจจะเร่งยาก ต้องมาดูอะไรที่เร่งด่วนกับดีเวลลอปเปอร์ เพื่อป้องกันผลกระทบ จริงๆ ทุกคนมีสิทธิในการขยับ ผู้รับเหมาขอไปทางเจ้าของโครงการ ขอขยับสัญญาตามสิ่งที่เราโดนสั่งปิด ซึ่งบริษัทอสังหาฯ จะไปคุยกับผู้ซื้อ ส่วนไปคุยกับแบงก์ อันนี้ไม่แน่ใจว่าหยุดไป 1 เดือน จะมีผลต่อดอกเบี้ยแค่ไหน แต่ในลักษณะของลูกบ้าน ทางโครงการคงจะบอกได้ในเรื่องการเลื่อนส่งมอบ แต่ถามว่าลูกบ้านในภาวะบนความยากลำบาก ลูกบ้านอาจจะบอกว่า ขอเงินจอง หรือเปล่า อันนี้ผมตอบแทนไม่ได้ แต่ผลกระทบมีเป็นทอดๆ”
ส่งออกดันจีดีพี ล็อกดาวน์หมด เสี่ยงแพ้ประเทศคู่แข่ง
นพ.เชิดศักดิ์ กล่าวว่า ประเทศไทย จีพีดีวันนี้ พึ่งพาอะไรแทบไม่ได้ เหลืออย่างเดียว คือ ภาคการผลิต ซึ่งคือภาคการส่งออกที่ดีขึ้น ขณะที่การบริโภคภายในประเทศไม่ค่อยมี คนจนลง ต้องพยายามบริโภคน้อยลง แต่อาจจะพอมีของการลงทุนของภาครัฐที่ยังมีอยู่บ้าง แต่หากเราจะมีปิดหมด ล็อกดาวน์ให้หมด เราจะเสียเปรียบให้กับคู่แข่งทางการค้าได้ ดังนั้น ในความคิดผมกระบวนการบอกจะให้หยุดหมดอาจจะทำไม่ได้
PS ลุยก่อสร้าง โอนคอนโดฯ-บ้าน หนุนรายได้เข้าเป้า เสริมกระแสเงินสด
นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS ในเครือพฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) รายใหญ่ในวงการอสังหาฯ ซึ่งมีโครงการที่เริ่มขายและยังดำเนินการอยู่ จำนวน 141 โครงการ มูลค่ารวมโครงการ 161,875 ล้านบาท (ณ ไตรมาสแรกปี 64) กล่าวว่า การเปิดแคมป์ส่งผลดีต่อภาคการก่อสร้างของผู้ประกอบการโดยรวม ขณะที่พฤกษาฯ จะได้อานิสงส์จากการปลดล็อกดาวน์ ทำให้งานก่อสร้างกลับมาเดินหน้าตามกำหนด จะช่วยให้มีกระแสเงินสดจากการทยอยโอนห้องชุดจาก 7 โครงการ ซึ่งครอบคลุมทุกแบรนด์ ทุกเซกเมนต์ในตลาดคอนโด ที่กำลังจะก่อสร้างเสร็จและทยอยส่งมอบในปี 64 นี้ โดยจะทำให้มีรายได้จากการโอนใน 7 โครงการดังกล่าว 5,000-6,000 ล้านบาท หรือกว่า 50% ของโครงการทั้งหมด
ขณะเดียวกัน ในกลุ่มสินค้าแนวราบ ซึ่งพฤกษาฯ มียอดขายล่วงหน้า (พรีเซล) ไปแล้วกว่า 2,000 ล้านบาทนั้นจะสามารถกลับมาเร่งงานก่อสร้าง เพื่อให้สามารถส่งมอบบ้านให้ลูกค้าได้ทันตามกำหนด จะช่วยให้พฤกษาฯ มีรายได้จากการโอนในกลุ่มสินค้าเข้ามาเพิ่มในไตรมาสนี้อีกส่วนหนึ่ง
“การเร่งงานก่อสร้างนั้น พฤกษาฯ จะต้องดำเนินภายใต้การมาตรการ bubble and seal เป็นการควบคุมแรงงานก่อสร้างโดยแรงงานต้องควบคุมการเดินทางระหว่างที่ทำงานกับที่พักอาศัยตามข้อกำหนดของศบค. และเพื่อควบคุมและป้องกันการระบาดของโควิด-19 ในแคมป์คนงาน พฤกษาฯ ได้เตรียมวัคซีนไว้ฉีดให้แรงงานก่อสร้างกว่า 10,000 คน นอกจากนี้ ยังวางมาตรการควบคุม ดูแลแรงงานก่อสร้าง เพื่อให้สอดรับกับมาตรการภาครัฐด้วย” นายปิยะ กล่าวถึงการป้องและสร้างภูมิคุ้มกันให้คนงาน
ล็อกดาวน์เพิ่ม กระทบอสังหาฯ มูลค่า 4 หมื่นล้านบาท
ในประเด็นเรื่องการเพิ่มล็อกดาวน์ 29 จังหวัดนั้น นายปิยะ กล่าวว่า เป็นสถานการณ์ที่จำเป็น แม้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค โดยคาดว่าผลกระทบจากการประกาศเพิ่มอีก 1 เดือน จะส่งผลต่อจีดีพีของไตรมาสที่ 3 ให้หดตัวค่อนข้างมาก ขณะที่ตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์น่าจะได้รับผลกระทบในครั้งนี้ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 40,000 ล้าบาท ส่วนผลกระทบต่อ พฤกษาฯ นั้น คาดว่าจะมีผลต่อยอดการเข้าเยี่ยมชมโครงการลดลงกว่า 20%
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา พฤกษาฯ มีการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ทำให้ไม่มีผลกระทบต่อยอดขายในไตรมาสนี้มากนัก ส่วนผลกระทบที่ค่อนข้างหนักในช่วงนี้ คือ การชะลอการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ซึ่งเป็นผลด้านจิตวิทยาที่กระทบความเชื่อมั่น ทำให้มีการเลื่อนการตัดสินใจออกไประยะนี้ อย่างไรก็ตาม พฤกษาฯ ได้มีการจัดแคมเปญกระตุ้นการตัดสินใจลูกค้าด้วยแคมเปญใหม่ๆ ซึ่งทำให้ลูกค้าที่มีความพร้อมตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น เพราะการซื้อในช่วงนี้จะได้บ้านในราคาที่ดี จะทำให้พฤกษาฯ สามารถรักษาเป้ายอดขายได้
ศุภาลัยฯ มั่นใจกลับมาทำงานได้ 100%
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องดีที่มีการคลายล็อกมาเปิดแคมป์คนงานก่อสร้างได้ ซึ่งในส่วนของศุภาลัย มีการปฏิบัติและดำเนินการเรื่องการป้องกันและดูแลแรงงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความปลอดภัยขึ้น โดยปัจจุบัน บริษัทฯ แคมป์คนงานมากกว่า 20-30 แห่งในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มูลค่างานโครงการรวมกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งหลังจากประกาศเปิดแคมป์คนงานแล้ว หวังว่าประชาชนรอบข้างไซต์งานจะมีความเข้าใจในระดับหนึ่ง เพราะทำให้สามารถกลับมาก่อสร้างโครงการได้ตามปกติ แต่ยังต้องอยู่ในเงื่อนไข Bubble and Seal ในเบื้องต้น คิดว่าสามารถก็ทำงานได้ 100% แต่คนงานที่มีความเสี่ยงไม่ให้มาทำงาน และแยกโซนแคมป์ที่มีอากาศระบายได้ดี พื้นที่เปิดโล่งอย่างชัดเจน
ล็อกดาวน์ตอกย้ำโควิด-19 วิกฤตใหญ่ คนซื้อชะลอการตัดสินใจ
นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการบริษัท ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด กล่าวว่า การปลดล็อกดาวน์แคมป์คนงานก่อสร้างส่งผลดีต่อโครงการที่มีแผนจะโอนในปีนี้ คาดว่าจะทำให้ผู้รับเหมาก่อสร้างเร่งระดมแรงงานตามไซต์งานต่างๆ งานก่อสร้างโครงการที่จะส่งมอบ หรือโอนในปีนี้เพื่อให้งานเสร็จตามกำหนด อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าการล็อกดาวน์แคมป์ก่อสร้างในช่วงที่ผ่านมา ทำให้แรงงานก่อสร้างในระบบหายไปค่อนข้างมาก ดังนั้น แม้จะปลดล็อกดาวน์แล้วสถานการณ์ขาดแคลนแรงงานในตลาดก็จะยังไม่ดีขึ้น
“ผมว่าแต่ละคนมีเหตุผลของตนเอง ตอนนี้ ผู้ประกอบการ และบริษัทก่อสร้างต้องมาคัดโครงการเร่งด่วนเพื่อทำให้เสร็จและเก็บให้เรียบร้อย เพื่อให้ลูกค้ามารับโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งจะทำให้ได้รับค่างวดงานก่อสร้างเข้ามาใช้เป็นกระแสเงินสดในการดำเนินธุรกิจได้ดีขึ้น” นายสุรเชษฐ กล่าว
สำหรับการยกระดับและขยายพื้นที่ล็อกดาวน์เป็น 29 จังหวัด เป็นการตอกย้ำว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดในขณะนี้เลวร้ายจริงๆ และยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่างๆ อย่างหนัก ไม่ใช้เพียงแค่การวิตกมากเกินไปเหมือนกับช่วงปีก่อนหน้า
“กลุ่มคนที่กำลังจะซื้อที่อยู่อาศัยอาจจะชะลอซื้อไป ไม่รีบร้อนซื้อที่อยู่อาศัยในขณะนี้ แต่กลุ่มเดิมที่ผ่านขั้นตอนของสินเชื่อและได้รับการอนุมัติแล้วน่าจะไม่มีการยกเลิกการตัดสินใจซื้อ"