"ไทรทัน โฮลดิ้ง" ซื้อหุ้น "ขนส่งน้ำมันทางท่อ" 10 ล้านหุ้น มูลค่าไม่เกิน 75 ล้านบาท พร้อมจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเกินสิทธิทั้งสิ้น 10 ล้านหุ้น เพื่อชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้ FPT หวังรับผลตอบแทนที่คุ้มค่าทั้งในด้านการลงทุน รวมถึงด้านความสัมพันธ์ในทางธุรกิจต่อไปในอนาคตกับ FPT และนำเงินใช้สำหรับโครงการก่อสร้างท่อขนส่งน้ำมันใหม่ๆ
น.ส.หลุยส์ เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทรทัน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TRITN แจ้งว่า ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 7/2564 เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2564 ได้มีมติให้บริษัทใช้สิทธิเข้าลงทุนซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด หรือ FPT เกินสิทธิ จำนวนไม่เกิน 10 ล้านหุ้น เป็นเงินไม่เกิน 75 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณไม่เกินร้อยละ 1 ของทุนชำระแล้วภายหลังการเพิ่มทุนของ FPT ต่อมาเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2564 บริษัทได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเกินสิทธิทั้งสิ้น 10 ล้านหุ้น โดยเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 บริษัทได้ดำเนินการชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวให้ FPT เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นเงิน 75 ล้านบาท
“การเข้าลงทุนซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเกินสิทธิดังกล่าว บริษัทได้เล็งเห็นโอกาสที่ดีที่จะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าทั้งในด้านการลงทุน รวมถึงด้านความสัมพันธ์ในทางธุรกิจต่อไปในอนาคตกับ FPT โดยการเพิ่มทุนในครั้งนี้ FPT มีแผนจะนำเงินไปใช้สำหรับโครงการก่อสร้างท่อขนส่งน้ำมันใหม่ๆ ซึ่งเป็นโครงการที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อบริษัทและต่อสังคม รวมถึงเป็นการช่วยให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น สอดคล้องกับนโยบายในการดำเนินธุรกิจของบริษัท”
สำหรับบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ได้จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2534 เพื่อดำเนินกิจการระบบขนส่งน้ำมันทางท่อจากโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ผ่านคลังน้ำมันช่องนนทรี โดยขนส่งน้ำมันอากาศยานไปยังคลังน้ำมันดอนเมืองและคลังน้ำมันสุวรรณภูมิให้บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BAFS) พร้อมกับขนส่งน้ำมันภาคพื้นดินไปยังคลังน้ำมันบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระยะทางรวม 99 กิโลเมตร ซึ่งตลอดระยะเวลาในการดำเนินกิจการมากว่า 28 ปี ไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นแต่อย่างใด อีกทั้งเป็นระบบการขนส่งน้ำมันที่สะดวก รวดเร็ว ประหยัด ปลอดภัย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รักษาสิ่งแวดล้อม และลดอุบัติเหตุที่เกิดจากการขนส่งน้ำมันด้วยรถบรรทุกน้ำมันในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
ต่อมา FPT ได้รับอนุมัติจากกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ให้ขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันและคลังน้ำมันไปภาคเหนือ ระยะทางรวม 576 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อที่ยาวที่สุดของกลุ่มประเทศอาเซียน โดยโครงการระยะที่ 1 ต่อขยายจากระบบท่อเดิมที่คลังน้ำมันบางปะอิน ไปยังคลังน้ำมันพิจิตร ระยะทาง 367 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562 และโครงการระยะที่ 2 ต่อขยายสถานีเพิ่มแรงดันกำแพงเพชรไปยังคลังน้ำมันนครลำปาง ระยะทาง 209 กิโลเมตร จะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 3/2564
ในส่วนของการเพิ่มทุนของ FPT ในครั้งนี้ FPT มีวัตถุประสงค์หลักจะนำเงินไปใช้สำหรับโครงการระยะที่ 3 ส่วนต่อขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันสระบุรี-อ่างทอง ระยะทาง 52 กิโลเมตร ซึ่งเป็นโครงการที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อบริษัทและสังคม รวมถึงตอบสนองนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมให้ระบบท่อขนส่งน้ำมันเป็นยุทธศาสตร์หลักสำคัญในด้านการจัดการระบบน้ำมันอันเป็นพลังงานสำคัญของชาติ สร้างความมั่นคงด้านการจัดหาพลังงาน ส่งผลให้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของประเทศที่เชื่อถือได้ เอื้อต่อนโยบายการเก็บสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ของประเทศในระบบคลังน้ำมันส่วนภูมิภาค รองรับการเจริญเติบโตของการบริโภคน้ำมันทางภาคเหนือ อีกทั้งยังช่วยลดอุบัติเหตุ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จากรถบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ ทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น สอดคล้องกับนโยบายในการดำเนินธุรกิจของบริษัท