กลุ่ม "เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น" จับมือ Ricult สตาร์ทอัปที่มุ่งเน้นเทคโนโลยีด้านเกษตรแม่นยำ นำแอปพลิเคชันที่จำเป็นต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกอ้อยมาใช้ เช่น แผนที่ดาวเทียม การพยากรณ์อากาศแบบแม่นยำ มาประมวลผลร่วมกับข้อมูลของกลุ่ม KTIS เพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่และคุณภาพอ้อย ทำให้ต้นทุนต่อไร่ลดลง มีรายได้และกำไรมากขึ้น
นายภูมิรัฐ หวังปรีดาเลิศกุล ผู้อำนวยการฝ่ายไร่ กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจร เปิดเผยว่า จากการที่กลุ่ม KTIS ได้ดำเนินการศึกษาและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพอ้อยและเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้เกษตรกรชาวไร่อ้อย ล่าสุด ได้จับมือทำงานร่วมกับบริษัท รีคัลท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Ricult ซึ่งเป็นสตาร์ทอัปที่คิดค้นสร้างสรรค์แอปพลิเคชันที่ให้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับเกษตรกรในการวางแผนการเพาะปลูกอย่างแม่นยำ เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตและประสิทธิภาพในการเพาะปลูก
“แอปพลิเคชันของ Ricult ตรงกับสิ่งที่ฝ่ายไร่ของ KTIS กำลังมองหา นั่นคือ การนำแผนที่ดาวเทียมและการพยากรณ์อากาศที่แม่นยำมาประมวลผลร่วมกับข้อมูลฝ่ายไร่ ผ่านระบบ AI ซึ่งจะช่วยคาดการณ์ปริมาณอ้อยได้แม่นยำมากขึ้น และนำไปใช้วางแผนการผลิตน้ำตาลและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องได้ดีขึ้น รวมถึงการวิเคราะห์และการจัดระบบข้อมูลขั้นสูงเพื่อช่วยให้กลุ่ม KTIS เราและเกษตรกร ได้รู้ว่าควรทำกิจกรรมในไร่เมื่อไหร่อย่างไร ที่จะช่วยเพิ่มคุณภาพและการเติบโตของอ้อยได้” นายภูมิรัฐ กล่าว
ผู้อำนวยการฝ่ายไร่ กลุ่ม KTIS กล่าวด้วยว่า การนำเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะปลูกอ้อย ยังช่วยให้เกษตรกรที่เป็นคนรุ่นใหม่สามารถบริหารจัดการการทำอ้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้มีเป้าหมายในการเข้ามาสานต่ออาชีพชาวไร่อ้อยจากรุ่นพ่อรุ่นแม่ด้วย ในขณะเดียวกัน ทีมงานฝ่ายไร่ของกลุ่ม KTIS ได้จัดฝึกอบรมเสริมความรู้ด้านต่างๆ เพื่อให้ชาวไร่อ้อยมีต้นทุนการผลิตต่อไร่ลดลง มีรายได้และกำไรจากการสร้างอ้อยมากขึ้น เพื่อให้การทำไร่อ้อยเป็นอาชีพที่สามารถเลี้ยงชีพเกษตรกรชาวไร่อ้อยได้อย่างมั่นคง ตามคำขวัญของกลุ่ม KTIS ที่ว่า “ชาวไร่อ้อยมั่งคั่ง กลุ่ม KTIS มั่นคง”