xs
xsm
sm
md
lg

กสิกรฯ คาดเฟดคงดอกเบี้ยที่ระดับ 0.0-0.25% จับตาโควิด-19 ระลอกใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 27-28 ก.ค.นี้ เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.0-0.25% เนื่องจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ และจำนวนคนว่างงานยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าในช่วงก่อนโควิด-19 อย่างมาก แม้ว่าเฟดเผชิญแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น แต่คาดว่าเฟดจะยังคงให้น้ำหนักต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นหลัก และน่าจะยังคงยืนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายไปจนถึงอย่างน้อยสิ้นปีนี้

นอกจากนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญกับความเสี่ยงเชิงลบมากขึ้นจากการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ที่ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ กลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง โดยสหรัฐฯ กลับมาเผชิญจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่สูงขึ้นจากสายพันธุ์เดลตาที่มีการแพร่กระจายได้ง่าย อีกทั้งยังคงมีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์อื่นๆ เช่น สายพันธุ์แลมด้า และสายพันธุ์เอปซีลอน ซึ่งประสิทธิผลของวัคซีนที่มีอยู่ต่อสายพันธุ์เหล่านี้ยังคงไม่แน่ชัด ขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนของสหรัฐฯ เริ่มชะลอลง ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อสถานการณ์แพร่ระบาดมากขึ้น ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้นำมาซึ่งความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มที่จะยังคงนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจท่ามกลางความเสี่ยงที่ยังมีอยู่สูง

ท่ามกลางความเสี่ยงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกทั้งภาคเศรษฐกิจจริงยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ คาดว่าเฟดคงมีท่าทีที่ระมัดระวังและอดทนในการพิจารณาถอนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าเฟดน่าจะยังคงยืนการเริ่มทำ QE tapering ในต้นปีหน้า และเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในปี 2566 ตามที่ส่งสัญญาณไว้ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี หากความเสี่ยงต่างๆ ลดลง และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณความร้อนแรงของเศรษฐกิจ เช่น ตลาดแรงงานเข้าใกล้ระดับการจ้างงานเต็มที่ (Full employment) ซึ่งมีอัตราการว่างงานอยู่ที่ราว 4.5% อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้นเกินระดับ 2.0% อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากราคาสินทรัพย์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เฟดอาจถอนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด

สำหรับผลกระทบต่อไทย หากเฟดส่งสัญญาณถอนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเร็วกว่าตลาดคาด จะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยและต้นทุนการกู้ยืมนั้นปรับสูงขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวช้ากว่าเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจสหรัฐฯ ท่ามกลางความเสี่ยงจากสถานการณ์แพร่ระบาดที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งประเด็นเหล่านี้เป็นโจทย์ที่ท้าทายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะต้องคอยติดตามสถานการณ์และพิจารณาออกมาตรการที่เหมาะสมต่อไปในระยะข้างหน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น