ครม.อนุมัติขยายกรอบวงเงินโครงการ "เยียวยา" นายจ้างและผู้ประกันตน ม.33 ในพื้นที่สีแดงเข้ม 10 จังหวัด เป็น 13,505 ล้านบาท พร้อมเยียวยาเพิ่มเติมอีก 3 จังหวัด แนะผู้ประกันตนเร่งผูกพร้อมเพย์ ล็อตแรกรับเงินเยียวยา 6 ส.ค.นี้ พร้อมปรับโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” เพิ่มวงเงินคำนวณสิทธิ e-Voucher เป็น 10,000 บาท/คน/วัน ขยายระยะเวลาใช้จ่ายถึง 30 พ.ย.64
วันนี้ (20 ก.ค.) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติกรอบวงเงินโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และพื้นที่จังหวัดชานแดนภาคใต้ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ รวมทั้งสิ้น 10 จังหวัด สำหรับกิจการที่ได้รับผลกระทบ 9 สาขาจากเดิมที่ได้เห็นชอบไปแล้ว 2,519.38 ล้านบาท เพิ่มเป็น 13,504.696 บาทหรือเพิ่มขึ้น 10,985.316 ล้านบา
ส่วนอีก 3 จังหวัด ที่ ศบค.ได้มีประกาศเพิ่มเติม ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และอยุธยา นั้น ครม.ได้เห็นชอบในวันนี้ให้ขยายพื้นที่เยียวยาผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการโควิด-19 เพิ่มเติมจาก 10 จังหวัด เป็น 13 จังหวัด และจะนำกรอบวงเงินที่เพิ่มขึ้นนำเสนอ ครม.เพื่อพิจารณาต่อไป
โดยมาตรการช่วยเหลือยังอยู่ใน 9 กลุ่มอาชีพ เป็นระยะเวลา 1 เดือน ตามที่ได้มีการประกาศไปก่อนหน้านี้ คือ
1.กิจการก่อสร้าง 2.กิจการที่พักแรมและบริการด้านอาหาร 3.กิจกรรมศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ 4.บริการด้านอื่นๆ 5.สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า สาขาการขายส่ง และการขายปลีก 6.การซ่อมยานยนต์ 7.สาขากิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน 8.สาขากิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ และ 9.สาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร
ทั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือแรงงงานในระบบประกันสังคมแบ่งเป็น 3 กลุ่มได้แก่
1.กลุ่มแรงงานตาม ม.33 ในกิจการ 9 หมวด รัฐจะจ่ายเงินเยียวยาให้ 50% ของรายได้ (สูงสุดไม่เกิน 7,500 บาท) และจ่ายสมทบให้ลูกจ้างสัญชาติไทยอีก 2,500 บาทต่อคน รวมแล้วได้สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท โดยจะโอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชน ในวันที่ 6 สิงหาคม 2564
2.ผู้ประกอบการหรือนายจ้างตามหลักการให้ความช่วยเหลือจะได้รับความช่วยเหลือตามจำนวนลูกจ้างสูงสุดไม่เกิน 200 คน ในอัตรา 3,000 บาทต่อคน จำนวน 1 เดือน
3.ผู้ประกันตนตาม มาตรา 39 และมาตรา 40 สัญชาติไทยที่ยังคงประกอบอาชีพอยู่ในปัจจุบัน จะได้รับความช่วยเหลือในอัตรา 5,000 บาท จำนวน 1 เดือน ผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ไม่ได้เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 สัญชาติไทยที่ยังคงประกอบอาชีพอยู่ในปัจจุบันให้เตรียมหลักฐานเพื่อลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 กับสำนักงานประกันสังคมภายในเดือนก.ค.2564 เพื่อรับความช่วยเหลืออัตรา 5,000 บาท จำนวน 1 เดือน โดยโอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์ ในวันที่ 6 สิงหาคม 2564
พร้อมกันนี้ ที่ประชุม ครม.อนุมัติการเปลี่ยนแปลงโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ดังนี้
1.ขยายระยะเวลาการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าหรือรับบริการที่ได้รับการสนับสนุน e-Voucher จากเดิมระหว่าง 1 ก.ค.-30 ก.ย.64 เป็นตั้งแต่ 1 ก.ค.-30 พ.ย.64
2.เพิ่มวงเงินใช้จ่ายสูงสุดที่จะนำมาคำนวณสิทธิ ไม่เกิน 10,000 บาท/คน/วัน ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.-30 พ.ย. โดยยังจำกัดวงเงินใช้จ่ายสูงสุดที่จะนำมาคำนวณสิทธิ e-Voucher ไม่เกิน 60,000 บาทต่อคน
3.ปรับลดจำนวนกลุ่มเป้าหมายของโครงการ จากเดิมที่ไม่เกิน 4 ล้านคน เป็น “ไม่เกิน 1.4 ล้านคน” ทำให้กรอบวงเงินโครงการลดลงจาก 28,000 ล้านบาท เป็น 9,800 ล้านบาท หรือลดลงประมาณ 18,200 ล้านบาท