ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)(BAY) เดินหน้าออกมาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อธุรกิจ SME ที่ต้องปิดกิจการจากผลกระทบของโควิด-19 ตามมาตรการภาครัฐ โดยสามารถพักชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 2 เดือน เริ่มได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป
น.ส.ดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ธนาคารได้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และผลกระทบกับลูกค้าของธนาคารมาโดยตลอด ซึ่งในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบันทวีความรุนแรงขึ้นในหลายพื้นที่โดยเฉพาะจังหวัดที่มีความเสี่ยงสูง ธนาคารได้มีการหารือร่วมกันกับสมาคมธนาคารไทยและธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อหาแนวทางเร่งด่วนในการช่วยเหลือที่ตรงจุดและรวดเร็ว จึงได้ออกมาตรการช่วยเหลือใหม่ให้ผู้ประกอบการธุรกิจ SME ทั้งขนาดกลาง ขนาดเล็กและขนาดย่อม สามารถพักชำระหนี้ได้เป็นระยะเวลา 2 เดือน ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เริ่มได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป สำหรับ SME ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงที่ต้องปิดกิจการในพื้นที่ควบคุมใน 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส รวมถึง SME นอกพื้นที่ควบคุมที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ
ส่วน SME ที่ได้รับผลกระทบโดยอ้อมจนทำให้ยอดขายลดลงแม้ไม่ปิดกิจการ ธนาคารก็พร้อมให้ความช่วยเหลือในรูปแบบมาตรการอื่นๆ ที่มีอยู่ตามความเหมาะสมของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อฟื้นฟู พักทรัพย์พักหนี้ การพักชำระเงินต้น พักชำระค่างวด ปรับลดจำนวนเงินผ่อนชำระ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย และปรับประเภทวงเงินสินเชื่อ
โดยลูกค้า SME ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงแต่ละรายจะได้รับการพักชำระหนี้เป็นระยะเวลา 2 เดือน เริ่มได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป โดยมีแนวทางการเรียกเก็บเป็นไปตามนโยบายธนาคาร และอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ธนาคารให้การพักชำระหนี้ เป็นอัตราดอกเบี้ยปกติ มิใช่อัตราดอกเบี้ยผิดนัด และการพักชำระหนี้นี้ไม่ถือเป็นเหตุแห่งการผิดนัดเงื่อนไขการชำระหนี้ตามสัญญา และไม่ถือเป็นการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
ทั้งนี้ ผู้ที่มีความประสงค์จะขอรับความช่วยเหลือจะต้องเป็นลูกค้าสินเชื่อธุรกิจ SME ของธนาคารที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ต้องปิดกิจการในพื้นที่ควบคุม 10 จังหวัด รวมถึงที่อยู่นอกพื้นที่ควบคุมที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ เช่น ร้านนวด-สปา ร้านเสริมความงาม ร้านขายของในห้างสรรพสินค้า เป็นต้น และไม่มีสถานะเป็น NPL ณ วันที่แสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการ โดยสามารถขอเข้าร่วมโครงการผ่านช่องทางต่างๆ ของธนาคารได้ตั้งแต่ 19 กรกฎาคม-15 สิงหาคม 2564