"ธนา เธียรอัจฉริยะ" ประธานกรรมการ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ จำกัด ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ ผู้พัฒนา "โรบินฮู้ด" แพลตฟอร์มฟูดเดลิเวอรี เผย 'โรบินฮู้ด' ยอดพุ่งแรง ระบุหลังเปิดตัวแคมเปญ "ส่งฟรีทุกออเดอร์ช่วงล็อกดาวน์" ตั้งแต่วันที่ 11-25 กรกฎาคม 2564 เร่งรับไรเดอร์เพิ่ม ดันยอดส่งแตะ 100,000 รายการต่อวัน แย้มหากยืดล็อกดาวน์มีสิทธิต่อแคมเปญ พร้อมเดินหน้าขยายไปสู่กลุ่มโรงแรมรับท่องเที่ยวในประเทศคาดเปิดต้นปีหน้า
**"ส่งฟรีทุกออเดอร์ช่วงล็อกดาวน์" ดันยอดพุ่ง**
มาตรการ "ส่งฟรีทุกออเดอร์ช่วงล็อกดาวน์" ของโรบินฮู้ด เริ่มจากซีอีโอธนาคารไทยพาณิชย์ (คุณอาทืตย์ นันทวิทยา) มีไอเดียนี้แบบกะทันหัน ฉับพลันในช่วงวันเสาร์บ่าย 3 ที่จะเริ่มต้นล็อกดาวน์ในวันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก็สั่งการให้ทีมงานโรบินฮู้ดที่สนับสนุนโดยธนาคารไทยพาณิย์ ส่งฟรีออเดอร์ไปทำ ซึ่งเราก็รีบทำ แม้จะค่อนข้างฉุกละหุก แต่ซีอีโอบอกว่าทำไปแก้ไป เพราะไม่อย่างนั้นจะเลยล็อกดาวน์ ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าคนจะให้ความสนใจมาก เตรียมอัปเกรดระบบไว้ประมาณเท่าตัว ปรากฏว่าคนสนใจกว่าที่คาดไว้มาก ซึ่งเริ่มเห็นตั้งแต่สายๆ วันอาทิตย์ แล้วผลออกมาคือวันแรกยอดเพิ่มไป 5 เท่า ระบบมีปัญหาทันทีระบบล่ม ขณะที่ตัวไรเดอร์เองยังไม่พร้อมเท่าไหร่ จากปกติก่อนแคมเปญ่จะมียอดเรียก 20,000 รายการต่อวัน มียอด Time Out คือเรียกแล้วไม่มีไรเดอร์ไม่ถึง 1% หรือเรียกได้ว่าแทบไม่มี พอวันอาทิตย์ที่เป็นวันแรกของแคมเปญมียอดส่งอาหารได้ 30,000 รายการ แต่ยอด Time Out มี 90,000 รายการ
ซึ่งผลจากแคมเปญนี้ยอดเพิ่มไปถึง 5 เท่า ระบบมีปัญหาทันที ระบบล่ม ไรเดอร์ยังไม่ได้พร้อมเท่าไหร่ เรียกได้ว่าวันแรกนี่เละ ปกติก่อนโปรส่ง 20,000 เที่ยว Time Out คือเรียกแล้วไม่มีไรเดอร์ไม่ถึง 1% หรือเรียกได้ว่าแทบไม่มีเลย วันอาทิตย์ส่งอาหารได้ 30,000 เที่ยวดีขึ้นมาเยอะ แต่ Time Out ยอด 90,000 ราย ก็เลยต้องมาดูว่าจะทำอย่างไรดี ส่วนหนึ่งมีการปรับเกณฑ์กัน ตามแนวคิดที่ต้องการช่วยร้านเล็กๆ ข้างบ้าน ประกอบกับกรณีที่ไรเดอร์โดนเรียกให้ส่งไข่ดาวราคา 5 บาทแต่ต้องไปส่งเป็นระยะทางถึง 40 กิโลเมตร เลยจำกัดขอบเขตในการจัดส่งในรัศมี 10 กิโลเมตร จากนั้นมาจัดการเรื่องรับไรเดอร์ ตอนนี้รับไม่อั้น ปกติรับอาทิตย์ละ 300 คน ตอนนี้รับวันละ 1,000 คน แล้วจ่ายค่าตอบแทนเพิ่มอีก วันที่ 2 เราทำได้ดีขึ้น ส่งออเดอร์ได้ 55,000 รายการ แต่ Time Out ก็ยัง 90,000 รายการอยู่ เพราะคนเริ่มเห็นข่าวเยอะยิ่งอยากจะช่วยอีก วันที่ 3 รับ 75,000 รายการ Time Out ประมาณ 80,000 รายการ ล่าสุด วันนี้ (14 ก.ค.)ยอดอาจจะใกล้เคียงเดิมเนื่องจากฝนตก
ฉะนั้น ตั้งแต่เริ่มเปิดแคมเปญมา ถามว่าการบริการการแก้ปัญหาที่ทำมาดีขึ้นมั้ย ดีขึ้น แต่ยังไม่ดีพอเมื่อเทียบกับดีมานด์ที่เกิดขึ้น ยังจะแก้ไขไปเรื่อยๆ ซึ่งต้องพิ่มไรเดอร์อย่างเดียววันละ 1,000 คน อีก 2-3 วันคงจะดีขึ้น ต้องเพิ่มไรเดอร์ให้มากที่สุด แล้วไรเดอร์ของเราต้องผ่านการเทรนด์ก่อนรับมาแล้วเทรนด์ครึ่งวันก่อนจะปล่อยก็เทรนด์ให้ได้วันละ 1,000 คน ทางแบงก์มาช่วยเต็มที่ ซึ่งในระดับตัวเลขที่เห็นอยู่นี้จะต้องส่งให้ได้เกินว้นละ 100,000 รายการ ถึงจะทำให้ยอดคนกดเรียกเราแล้วเจอมากว่าเรียกแล้วไม่เจอ จากวันละ 20,000 รายการ ต้องให้ได้ 100,000 รายการ เป็นเรื่องที่ต้องพยายามทำให้ถึง และตอนนี้ทำงานกันหนักมาก เพราะรู้ว่าคนคาดหวัง คนเอาใจช่วยกันมาก
"จากยอดที่เพิ่มขึ้นขนาดนี้ นอกจากราคาอาหารที่ถูกลง ผมคิดว่าในช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างนี้ บางข้อความที่เราเขียนไปมันโดนใจคนส่วนใหญ่ อย่าง 'เราช่วยคุณ คุณช่วยร้าน' มันมีความรู้สึกว่าสิ่งนี้มันเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าโปรโมชัน สังคมที่เป็นอยู่ตอนนี้มันขาดเรื่องอะไรอย่างนี้ มีคนอยากจะช่วยแต่ไม่รู้จะทำยังไง อย่างบริษัทใหญ่ๆ เขาอยากที่จะช่วยสังคม ช่วยคนตัวเล็ก แต่เขาไม่มีแพลตฟอร์ม ที่ทำได้เป็นการบริจาคกันไปเรื่อยๆ แต่ไทยพาณิชย์มีแพลตฟอร์มนี้ ทำให้เราทำได้มากกว่า คนที่อยากจะช่วยก็มีมากขึ้น แบงก์มองว่าตรงนี้เป็น CSR ที่มีประสิทธิผลสูงมาก แล้วเท่าที่ดูจากคนที่เรียกแล้วเจออ Time Out เยอะ แต่คนด่าน้อย คือเขาเข้าใจสถานการณ์ แล้วจากที่ค่าส่งที่ไม่ต้องเสียบางคนก็แปรมาเป็นทิปให้ไรเดอร์ ก็เป็นสิ่งที่ดี"
**เตรียมพร้อมหากล็อกดาวน์ต่อ**
ถัดจากนี้ไปจะต้องดูสถานการณ์หลังจากการล็อกดาวน์ 14 วันว่าจะต้องต่อไปอีกหรือไม่ คำถามคือถ้าต่อ แล้วโรบินฮู้ดจะต่อแคมเปญหรือไม่ อันนี้จากคำพูดของซีอีโอที่ว่า 'อย่าคิดว่า 14 วันนี้จบนะ' เราก็ต้องคิดต่อเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นรูปแบบไหน ซึ่งเรามีบทเรียนจากครั้งนี้แล้ว ครั้งหน้าต้องทำให้ได้ทั้งปริมาณและคุณภาพ ครั้งนี้เหมือนกับว่าเราลองหยั่งลงไปดูก่อนว่าทะเลมันกว้างแค่ไหน ทีนี้รู้แล้วครั้งหน้าก็น่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่คิดว่าความตั้งใจของซีอีโอกับบอร์ด ถ้าล็อกดาวน์ต่อต้องช่วยต่อเพราะผมคิดว่ามันอยู่ในช่วงวิกฤต ซึ่งในเรื่องของงบประมาณนั้นรอบนี้ก็เกินกว่า 100 ล้านบาท แบงก์น่าจะสนับสนุนต่อไป แต่ถ้าไม่ล็อกดาวน์ยังจะมีแคมเปญที่เหมาะสมในอีกสถานการณ์หนึ่ง อาจจะไม่ถึงกับส่งฟรี แต่ยังไม่ได้คิด เพราะตอนนี้ต้องเร่งทำเรื่องส่งฟรีให้ผ่านไปก่อน
**โปรเจกต์ต่อไปขยายสู่กลุ่มโรงแรม**
ส่วนโครงการที่เราวางไว้ต่อไปจะเป็นกลุ่มโรงแรม ท่องเที่ยว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบเพื่อรองรับ แล้วเริ่มชักชวนให้โรงแรมต่างๆ เข้ามาลงทะเบียน ซึ่งตอนนี้มีโรงแรมในประเทศอยู่ประมาณ 40,000 แห่ง แต่ช่วงนี้ติดสถานการณ์โควิด-19 การเดินทางต่างๆ ยังค่อนข้างยาก เรากะจะเปิดแพลตฟอร์มนี้คล้ายอโกด้า แต่ไม่คิดค่าคอมมิชชันเพราะโรงแรมก็โดนคิดค่าคอมฯ อยู่ 15-20% เราเป็นตัวกลางให้ แล้วชวนลูกค้าโรบินฮู้ดกว่าล้านคนไปเที่ยวทั่วไทย จองได้ทั้งโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน ซึ่งมองว่าประมาณต้นปีหน้าน่าจะเปิดได้ แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในประเทศด้วย ถ้าในประเทศยังเที่ยวไม่ได้ก็ยังเปิดไม่ได้ แต่เดาว่าต้นปีหน้าน่าจะพอเที่ยวได้บ้าง โดยทั้้งหมดของเรายังคงคอนเซ็ปต์เดิมคือ ไม่เก็บค่าคอมฯ ใช้ Digital Payment และร้านค้าจะได้รับชำระค่าสินค้าใน 1 ชั่วโมง
สำหรับแอปพลิเคชัน 'โรบินฮู้ด' ที่เปิดมาได้ประมาณ 9 เดือนนั้น ขณะนี้มีร้านค้าที่ลงทะเบียนอยู่ 120,000 ร้าน มีไรเดอร์ลงทะเบียน 20000 ราย แต่จำนวนขับต่อวัน 6,000-7,000 คน ยอดดาวน์โหลดเพิ่มมาก จากก่อนเริ่มแคมเปญมีจำนวนดาวน์โหลด 1.1 ล้านราย ตอนนี้เข้ามา 1.4 ล้านผู้ใช้ วันละเกือบแสน คาดว่าจบแคมเปญน่าจะได้ 1.7-1.8 ล้านราย ซึ่งสิ่งที่ได้ทำมานับว่ามีอิมแพกต์ต่อสังคมในวงกว้างอยู่ จากตอนแรกที่ยังตัวเล็กนิดเดียว ตอนนี้ตัวใหญ่ขึ้นก็ต้องมาคิดเพิ่มอีก แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ทุกคนค่อนข้างภูมิใจในอิมแพกต์ที่เกิดขึ้น