ซิก้า อินโนเวชั่น ประเมินธุรกิจไตรมาส 2/64 แนวโน้มดีเกินคาด ผลตอบรับกลยุทธ์เพิ่มช่องทางจำหน่าย ทั้งรูปแบบแฟรนไชส์และออนไลน์คึก เข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง หนุนออเดอร์ทะลัก ดันยอดขายพุ่ง ขณะราคาขายปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับราคาเหล็กยืนสูง ผู้บริหารเดินหน้าเจาะกลุ่มลูกค้าตลาด niche market มากขึ้น
นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซิก้า อินโนเวชั่น (ZIGA) ผู้ผลิตและจำหน่ายท่อเหล็กโครงสร้างประเภท Pre-Zinc แบรนด์ZIGA และท่อร้อยสายไฟแบรนด์ DAIWA ซึ่งเป็นนวัตกรรมสินค้าทดแทนในกลุ่มท่อเหล็กชุบสังกะสี หรือท่อเหล็กดำทาสี เปิดเผยว่าแนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 2/2564 มีทิศทางที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากกลยุทธ์การเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าในรูปแบบแฟรนไชส์ และนำระบบออนไลน์มาใช้ในการรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าได้โดยตรง ทำให้กระแสการตอบรับดีมาก ซึ่งปริมาณการขายเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาเหล็กยังคงยืนสูงทำให้สามารถปรับราคาขายเพิ่มขึ้นอีกด้วย
"ในไตรมาส 2/2564 ธุรกิจมีการเติบโตได้ดีกว่าที่คาด แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 3 แต่ด้วยกลยุทธ์การขยายสาขาในรูปแบบธุรกิจแฟรนไชส์อย่างเต็มที่สามารถดึงดูดเครือข่ายธุรกิจท้องถิ่นมาเป็นกำลังสำคัญในการขยายสาขา โดยจะสร้างพันธมิตรธุรกิจที่เติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน พร้อมดำเนินงานการขยายแฟรนไชส์ ZIGA OUTLET และทำให้เห็นความชัดเจนมากขึ้น พร้อมทั้งยังดำเนินการ แผนการตลาดที่มุ่งเน้นในการเชื่อมโยงผู้คนมากขึ้น "Connect People" ทั้งในกลุ่มออนไลน์ และออฟไลน์ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี ดังนั้น บริษัทฯ มั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีทองที่จะเห็นการเติบโตได้ทุกไตรมาส และในปี 2564 ผลงานยังสามารถทำสถิตินิวไฮได้อย่างต่อเนื่อง"
ประธานเจ้าหน้าที่กล่าวต่อว่า บริษัทยังคงเดินหน้ากลยุทธ์การทำการตลาด (niche market) มากขึ้น เพื่อทำให้รายได้และอัตรากำไรเติบโตอย่างมั่นคง โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดซ่อมแซม และเน้นเพิ่มสัดส่วนสินค้ากลุ่มโรงเรือนเกษตรพืชเศรษฐกิจ กัญชา กัญชง เพราะที่ผ่านมา มีความต้องการใช้เหล็กกัลวาไนซ์ในการสร้างโรงเรือนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นช่วงเริ่มต้นซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนที่ผู้ประกอบธุรกิจต้องขอใบอนุญาต หากได้รับอนุมัติก็มีความพร้อมที่จะสร้างโรงเรือนในจำนวนที่เพิ่มขึ้นทันที
นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างพิจารณารุกขยายงานโปรเจกต์ใหญ่เพิ่มขึ้น รับธีมการเปิดเมืองเปิดประเทศ ซึ่งจะทำให้ทั้งภาครัฐและเอกชนมีการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่มากขึ้น และจะช่วยสนับสนุนให้บริษัทฯ สามารถจำหน่ายสินค้าได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าประเภทเหล็กท่อร้อยสายไฟฟ้า จะเป็นตัวช่วยผลักดันการเติบโต