"มีนาทรานสปอร์ต" ปิดเทรดวันแรกเหนือจอง 1.28 บาท หรือ 106.67% จากราคาขาย IPO ที่ 1.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 7,434.57 ล้านบาท ผู้บริหารนำเงินไปใช้ในการขยายงานและชำระหนี้ ด้านโบรกเกอร์ให้ราคาเป้าหมายสูงกว่าราคาไอพีโอ
หุ้นบริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ MENA เข้าซื้อขายวันแรกพบว่า เมื่อเปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 1.60 บาท ราคาเหนือจอง 33.33% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4 บาท จากราคาไอพีโอที่ 1.20 บาท ระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 2.82 บาท ต่ำสุดที่ 1.59 บาท เมื่อปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 2.48 บาท เพิ่มขึ้น 1.28 บาท หรือ 106.67% จากราคาขาย IPO ที่ 1.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 7,434.57 ล้านบาท
นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MENA เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปี 64 จะเติบโตกว่าปี 63 แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะกระทบกับโครการการก่อสร้างต่างๆ ให้ชะลอตัวลง แต่มองว่าเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น และหลังจากที่มีการกระจายตัวของวัคซีนเพิ่มขึ้น เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ก็จะช่วยหนุนให้โครงการก่อสร้างต่างๆ กลับมา และในระยะเวลานี้บริษัทได้เคลื่อนย้ายการขนส่งไปยังพื้นที่ที่สามารถดำเนินโครงการก่อสร้างตามปกติเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นและเงินที่ได้จากการระดมทุนรวมมูลค่า 220.80 ล้านบาท จะนำไปใช้สำหรับลงทุนโครงการในอนาคต 160.80 ล้านบาท รวมถึงนำไปใช้จ่ายคืนหนี้สิน 20 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ 40 ล้านบาท สนับสนุนให้ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง และต้นทุนทางการเงินลดลง
บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ออกบทวิเคราะห์ฯ แนะ "ซื้อ" หุ้น บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) ประเมินราคาเป้าหมายพื้นฐานที่ 1.76 บาท คำนวณมาจากวิธี DCF อิงการเติบโตระยะยาวที่ 2% ต่อปี และ WACC 9% และเทียบเท่า FY65F P/E 23.1x โดยต่ำกว่าค่าเฉลี่ย P/E ของบริษัทที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกันในกลุ่ม Transport และ mai ซึ่งอยู่ที่ 31.2x โดยมองว่า MENA มีความน่าสนใจจากโอกาสเติบโตสูงทั้งจากการเติบโตของอุตสาหกรรมก่อสร้างของไทยและการทำ IPO จะเพิ่มศักยภาพการแข่งขันโดยเฉพาะในด้านฐานเงินทุนเพื่อขยายธุรกิจได้อีกมาก
บล.โกลเบล็ก ประเมินว่า MENA ผู้ให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จ ขนส่งสินค้าอุตสาหกรรม และสินค้าอุปโภคบริโภค รวมทั้งจัดจำหน่ายวัสดุ อุปกรณ์และเครื่องมือในการก่อสร้าง โดยครอบคลุมพื้นที่เขตธุรกิจสำคัญทั่วประเทศ รวมถึงเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ช่วงปี 2561-63 มีรายได้เท่ากับ 661 ล้านบาท 694 ล้านบาท และ 615 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนกำไรสุทธิ 36 ล้านบาท 42 ล้านบาท 35 ล้านบาท โดยมีปัจจัยการเติบโตหรือลดลงของรายได้ขึ้นกับภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งผลงานไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้และกำไรสุทธิเท่ากับ 153 ล้านบาท ลดลง 14% จากปีก่อน และ 10 ล้านบาท และ 22% เทียบปีก่อน ตามลำดับ ราคา IPO 1.20 บาท (Trailing PE = 27.6) จำนวน IPO 184 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 220.8 ล้านบาท