xs
xsm
sm
md
lg

WEH ยังวุ่นไม่เลิก "นพพร" ตามทวงค่าหนี้หุ้น "นพ ณรงค์เดช"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"นพพร" น้อมรับคำสั่งศาลสิงคโปร์ กรณีวินิจฉัยการตีความเรื่อง "กระบวนการพิจารณา" หรือ "jurisdiction" ของคำชี้ขาดเดิม แม้ศาลสิงคโปร์ไม่ได้ห้ามให้ฟ้องคดีต่ออนุญาโตตุลาการในเนื้อหาเรื่องภาระหนี้ที่มีอยู่ใหม่อีกครั้ง ถึงคดีความจะยังไม่สิ้นสุด หนี้ค่าหุ้นกว่า 525 ล้านเหรียญสหรัฐยังไม่หายไปไหน เร่ง “ณพ” แก้ปัญหาตัวเอง ได้หุ้นวินด์จากตนไปแล้วขอให้ช่วยรีบชำระเงินค่าหุ้นให้ครบ เห็นใจผู้ถือหุ้นวินด์ทุกคน อยากเห็นวินด์เดินหน้าเข้าตลาด หลังจากที่ล่าช้ามานาน

นายนพพร ศุภพิพัฒน์ อดีตผู้ถือหุ้นเดิม และผู้ก่อตั้งบริษัทบริษัทวินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง เปิดเผยถึงกรณี “ทนายที่ชื่อนายปกปัก ทองภักดี และนายณพให้ข่าวต่อสื่อ เผยว่า ศาลสิงคโปร์พิพากษาชี้ชัด ณพ ณรงค์เดช ไม่ผิดสัญญาซื้อหุ้นกลุ่ม WEH พ้นทุกข้อกล่าวหา โดยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ครั้งนี้ถือเป็นที่สิ้นสุด นั่นหมายถึงนายณพ ไม่ได้ติดค้างชำระค่าหุ้น ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยที่เกิดจากการซื้อหุ้นตามที่โดนกล่าวหาและไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายในกระบวนพิจารณาชั้นอนุญาโตตุลาการ ตามที่นายนพพร ร้องขอ เท่ากับว่านายณพ ได้ชำระเงินค่าหุ้นที่ซื้อจากนายนพพร ผู้ต้องหาหนีคดีครบถ้วนสมบูรณ์ตามสัญญาซื้อขายแล้ว” ว่า ตนเองน้อมรับคำตัดสินของศาลสิงคโปร์ แต่คำตัดสินนี้มิได้ตัดสินว่านายณพ ณรงค์เดช ไม่ได้เป็นหนี้ค้างชำระค่าหุ้น จำนวน 525 ล้านเหรียญบวกดอกเบี้ย ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศที่ออกมา

ศาลอุทธรณ์สิงคโปร์มีอำนาจเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาคดีของอนุญาโตตุลาการเท่านั้น แต่ไม่มีอำนาจในการวินิจฉัยในเนื้อหาของคดี เช่น ไม่มีอำนาจพิพากษาว่าใครเป็นหนี้ใคร หรือไม่ได้เป็นหนี้ใคร เมื่อศาลอุทธรณ์สิงคโปร์เห็นว่ากระบวนการพิจารณาคดีของอนุญาโตตุลาการยังขาดความสมบูรณ์หรือครบถ้วน ก็มีอำนาจที่จะเพิกถอนคำชี้ขาดได้ ในกรณีนี้ศาลอุทธรณ์สิงคโปร์เห็นว่า กระบวนการพิจารณาของคดีอนุญาโตตุลาการในคดีค่าหุ้นส่วนที่เหลือจำนวน 525 ล้านเหรียญ พร้อมดอกเบี้ยผิดนัด และค่าใช้จ่ายยังขาดความสมบูรณ์ ศาลก็มีคำพิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาด แต่ก็ชอบที่บริษัทฯ จะนำเสนอข้อพิพาทใหม่ต่ออนุญาโตตุลาการหากยังไม่ได้รับการชำระหนี้

ดังนั้น เมื่อนายณพ ได้หุ้นไปแล้ว และความเป็นเจ้าหนี้ค่าหุ้นของนายนพพร ตามกฎหมายยังคงอยู่ ตนจะเสนอข้อพิพาทเรียกเงินค่าหุ้นจำนวน 525 ล้านเหรียญ พร้อมดอกเบี้ยผิดนัด และค่าใช้จ่ายอีกครั้งต่ออนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งหากนายณพ ให้ความร่วมมือไม่ถ่วงเวลา ก็จะมีคำชี้ขาดเรื่องนี้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี

“นายณพ ยังมีหนี้ที่จะต้องชำระอยู่ 525 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดตามสัญญาซื้อขายหุ้น ซึ่งค้างชำระมานานกว่า 5 ปี และไม่เคยได้รับการติดต่อจากนายณพ เพื่อแสดงความจริงใจในการชำระหนี้ส่วนนี้เลย ตนจึงต้องขอพึ่งกระบวนการศาลยุติธรรมที่จะเรียกร้องให้ นายณพ ชำระหนี้ตามสัญญาให้ครบตามจำนวน เพื่อที่ทุกอย่างจะได้จบเสียที” นายนพพร กล่าวย้ำ

ทั้งนี้ที่ผ่านมา คณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศมีคำชี้ขาดตัดสินให้ นายณพ ชำระค่าหุ้นให้ตนเอง แต่นายณพ เพิกเฉยไม่ดำเนินการตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ อีกทั้งนายณพ และพวก โดยเฉพาะทีมทนายส่วนตัวของนายณพ ยังวางแผนโอนหุ้นไปให้พรรคพวกตัวเองในราคาที่ต่ำ และหุ้นบางส่วนก็ขายไปให้คนนอกที่ไม่รู้เรื่องในราคาสูง เช่นบริษัท AQ Estate ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หลังจากนายณพ ได้เงินจากการขายหุ้นมา แต่ก็ไม่เคยนำเงินมาชำระหนี้เพิ่มเติมเลย ต่อมา ตนได้รับเอกสารจากการดำเนินคดีกับณพ ในประเทศไทยและมีข้อมูลที่ทีมทนายของตนเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องพึ่งศาลในประเทศอังกฤษ ตนเลยมีความจำเป็นที่ต้องยื่นคดีหลักต่อศาลในประเทศอังกฤษ ให้ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันสมคบคิดฉ้อฉล (conspiracy) กับจำเลยต่างๆ รวมถึงบริษัทโกลเด้น มิวสิค ของนายณพ ในฮ่องกง ซึ่งครอบครองหุ้นวินด์ฯ จำนวนกว่า 42 ล้านหุ้น และมีมูลค่ามากพอที่จะนำเงินมาใช้หนี้บางส่วนได้ ภายหลังหากถูกบังคับคดีขายทอดตลาด ดังนั้น คดีฉ้อฉลในประเทศอังกฤษนี้จึงเป็นคดีหลักสำหรับข้อพิพาทระหว่างบริษัทของนายนพพร กับกลุ่มนายณพ ณรงค์เดช

ปัจจุบัน หุ้นวินด์ฯ ทั้งหมดที่โกลเด้น มิวสิคถือก็ยังคงอยู่ภายใต้คำสั่งห้ามจำหน่าย จ่าย โอน โดยศาลสูงอังกฤษ คดีที่ศาลอังกฤษนี้จะสืบพยานเดือนตุลาคมปีหน้า และคาดว่าจะมีคำพิพากษาในอีกไม่นานหลังจากนั้น

ขณะที่ปัญหาในวินด์ฯ ทั้งหมดกว่า 5 ปี จะหมดไปหรือไม่ และวินด์ฯ จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับคำตัดสินของศาลสูงอังกฤษในคดีฉ้อฉล ซึ่งกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อฉลหลายคนจะมีผลสำคัญต่อการจบปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด

“ตนเข้าใจความรู้สึกและเห็นใจผู้ถือหุ้นวินด์ทุกท่านที่อยากเห็นบริษัทสามารถเดินหน้าต่อไปได้จนสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และทำให้บริษัทมีการเติบโต มีผลตอบแทนที่น่าพอใจ แต่เมื่อนายณพ ยังไม่นำเงินมาชำระหนี้ค่าหุ้น ตนเองก็จำเป็นที่จะต้องฟ้องร้องเพื่อเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมของตนเองจนกว่าคดีความจะสิ้นสุด หรือนายณพ เปลี่ยนใจนำเงินมาชำระหนี้ทั้งหมด ตนก็พร้อมที่จะจบเรื่อง ที่ผ่านมาผมได้ยินข่าวว่ามีนักลงทุนหลายรายพยายามเข้ามาเจรจาลงทุนซื้อกิจการของวินด์ เพราะเขาเห็นศักยภาพของวินด์ และผู้ถือหุ้นวินด์จะได้เงินตอบแทนที่เหมาะสม แต่ผมไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น นักลงทุนทุกคนหนีหมด” นายนพพร กล่าวย้ำ

นอกจากนี้ ยังมีการฟ้องคดีอาญาข้อหาโกงเจ้าหนี้กับนายณพ ณรงค์เดช กับพวกในประเทศไทย ซึ่งหลังจากไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ศาลอาญาพบว่าคดีมีมูล จึงสั่งประทับรับฟ้องนายณพ และนางพอฤทัย ภรรยา โดยให้นายณพ กับภรรยาประกันตัวไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา รวมไปถึงคดีที่นายเกษม ณรงค์เดช ผู้ก่อตั้งบริษัท เคพีเอ็น แจ้งความให้ดำเนินคดีกับ คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา และพวก ในความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารสิทธิและใช้เอกสารปลอม จากกรณีพิพาทคดีหุ้น บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่โฮลดิ้ง จำกัด ตั้งแต่ พ.ศ.2561 ซึ่งก็พิสูจน์ถึงการกระทำนายณพ ที่ไม่ยอมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจและบริสุทธิ์ใจ


กำลังโหลดความคิดเห็น