นายณัฐพล วิมลเฉลา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.สยามราชธานี (SO) เปิดเผยว่า รายได้จากธุรกิจจัดหาบุคลากรจะฟื้นตัวในช่วงที่การแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายและสามารถเปิดประเทศได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะทำให้รายได้จากค่าทำงานล่วงเวลา (OT) ของพนักงานกลับมาประมาณ 10-15 ล้านบาท หลังจากที่รายได้ OT หายไปในช่วงแพร่ระบาดโควิด-19
โดยบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการซื้อกิจการ (M&A) โดยตั้งเป้าหมายไปที่ Outsorce Company, Software Enterprise และ Professional Training ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพูดคุย 2-3 ดีล โดยมีดีลที่เป็นบริษัทใหญ่ซึ่งมีการดำเนินธุรกิจอยู่ในหลายประเทศ ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาค่อนข้างนาน
สำหรับแพลตฟอร์ม DIGIDOCS ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการเอกสารออนไลน์ เพื่อการทำงานเอกสารที่ง่าย สะดวก และปลอดภัย หลังจากที่ติดตั้งให้ลูกค้าไปแล้วได้รับกระแสตอบรับที่ดี ปัจจุบันบริษัทจึงจะปรับปรุงแพลตฟอร์มดังกล่าวเพื่อตอบสนองลูกค้าได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้นอีก ซึ่งจะเรียกว่าแพลตฟอร์ม FLOW BUSINESS PROCESS MANAGEMENT ที่จะเริ่มให้บริการในไตรมาส 4/64 ซึ่งคาดว่าจะมีลูกค้าที่เป็นกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่และกลุ่มโรงงานเพิ่มเข้ามาประมาณ 5-10 ราย
และช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนาระบบ Payroll Outsource Guard and Security ซึ่งจะใช้เพื่อการคำนวณค่าตอบแทนในอาชีพผู้รักษาความปลอดภัยให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงโปรแกรม VEHICLE MANAGEMENT SYSTEM ที่จะสามารถให้บริการเช่ารถยนต์ที่ง่ายและสะดวกมากขึ้นอีกด้วย
ด้านโครงการให้บริการพนักงานขับรถกลุ่มงานสาธารณะ 2,000 อัตรา ที่จะทยอยส่งพนักงานขับรถเป็นเฟส เฟสละ 200-300 คนนั้น ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้โครงการล่าช้าออกไป แต่คาดว่าจะกลับมาเห็นความชัดเจนได้ในไตรมาส 3/64 นี้
นายณัฐพล กล่าวถึงประเด็นรถยนต์ไร้คนขับ ว่าเทคโนโลยีดังกล่าวยังไม่ส่งผลกับธุรกิจจัดหาบุคลากรของบริษัท เนื่องจากยังคงต้องใช้เวลาอีกสักพักในการเติบโต รวมไปถึง บุคลากรที่ทางบริษัทจัดหาไปนั้นสามารถดูแลและให้บริการลูกค้าได้มากกว่าการเป็นคนขับรถ ดังนั้น ทางบริษัทจึงมั่นใจว่าเทคโนโลยีบางอย่างจะไม่สามารถทดแทนการบริการจากแรงงานคนได้