xs
xsm
sm
md
lg

ถึงรอบหุ้นส่งออก รับส่งออกโตกระฉูด-บาทอ่อนค่าหนุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โบรกเกอร์ประเมินส่งออกไทยมีแววสดใสต่อ หลังตัวเลขส่งออก พ.ค. โตกว่า 40% ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 1 ปี และมีแววอ่อนค่าต่ออีก 2-3 เดือน หนุนกลุ่มส่งออกยกแผง ASPS แนะเก็งกำไร KCE-DELTA-HANA- SVI ด้าน DELTA ปลื้มบาทอ่อน-ตัวเลขส่งออกแจ่ม หนุนรายได้ทั้งปีโตตามเป้า 5-10%

ASPS มองบาทอ่อนหนุนส่งออก เก็งกำไร KCE - DELTA - HANA - SVI

บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เอเซียพลัส จำกัด ระบุว่า ค่าเงินบาทอ่อนค่าสูงสุดในรอบ 1 ปี ซึ่งตั้งแต่ช่วงกลางเดือน มิ.ย.64 เป็นต้นมาอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง จนแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ระดับ 31.84 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทที่อ่อนค่าส่งผลบวกต่อการส่งออกของไทย เพราะช่วยให้ราคาสินค้าของไทยในหน่วยเงินดอลลาร์มีราคาลดลง

แนวโน้มการส่งออกที่ดีขึ้น คาดเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออก ช่วยให้กลุ่มหุ้นดังกล่าวสามารถเก็งกำไร เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (KCE ,DELTA, HANA, SVI) โดยทุกๆ 1 บาท/ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจากสมมติฐานค่าเงินบาทปี 64 ถือเป็น Upside ต่อประมาณการกำไรสุทธิกลุ่มชิ้นส่วนฯ ในปี 64 ราว 5.8% จากเดิม (HANA +6.2%,DELTA +5.7%, KCE +5.5% และ SVI +5.2%)

อย่างไรก็ตาม ด้วย Valuation ที่แพงเกินมูลค่าพื้นฐานไปแล้ว จนมี PER กลุ่ม 64 เท่า จึงแนะนำเพียงเก็งกำไรในระยะสั้นเท่านั้น ถัดไปคือ กลุ่มยานยนต์ แนะนำ (AH, SAT) กลุ่มเกษตรอาหาร (STA, STGT, NER, TFG, CPF, TU) กลุ่มส่งออกเหล็ก (MCS)

บล.กสิกร แนะนำ TU - ASIAN - KCE - CBG

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ยังมีแรงสนับสนุนให้ค่าเงินบาทอาจอ่อนค่าต่อในระยะสั้น 2-3 เดือนข้างหน้า แนวโน้มเงินบาทอ่อนค่าจะช่วยสนับสนุนหุ้นกลุ่มส่งออก โดยแนะนำหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากประเด็นเงินบาทอ่อนค่าต่อในช่วงสั้นและมีแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งได้แก่ TU - ASIAN - KCE - CBG (รายได้จากการส่งออกประมาณ 45-50% ของยอดขาย)

DELTA ปลื้มบาทอ่อน-ตัวเลขส่งออกแจ่ม หนุนรายได้ทั้งปีโตตามเป้า

นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA เปิดเผยว่า จากภาพรวมการส่งออกที่ยังคงเติบโตดี และค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ช่วยหนุนผลการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งปัจจุบันเดลต้ายังมีออเดอร์เข้ามาล่วงหน้าต่อเนื่อง 3-6 เดือน จึงคาดว่าจะทำให้เป้าหมายผลการดำเนินงานทั้งปีเติบโตได้ 5-10% ตามเป้าหมาย

นอกจากนี้ บริษัทยังมียอดส่งออกเกือบ 100% โดยใช้สกุลเงินดอลลาร์ในการซื้อขาย โดยสามารถใช้เงินดอลลาร์ซื้อขายวัตถุดิบได้โดยตรง ซึ่งเมื่อแปลงเป็นสกุลเงินบาท ทำให้งบการเงินจะมีตัวเลขทางการเงินทั้งในส่วนผลงานและเงินสดเพิ่มมากขึ้น

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินกว่า 20 ไร่ มูลค่าลงทุนหลัก 100 ล้านบาท ในโซนบางปู จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อสร้างโรงงาน คลังสินค้า ศูนย์วิจัยและพัฒนา โดยคาดว่าในส่วนของโรงงานดังกล่าวจะมีหลากหลายผลิตภัณฑ์ ทั้งชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ รวมถึงชิ้นส่วนเพื่อรถพลังงานไฟฟ้า(EA)

อย่างไรก็ตาม บริษัทจะต้องขออนุญาตการสร้างโรงงานจากรัฐบาลก่อน เนื่องจากมีผู้ถือหุ้นต่างชาติกว่า 50% โดยอยู่ระหว่างการยื่นเรื่องเพื่อขออนุญาต คาดว่าจะทราบผลในเร็วๆ นี้ โดยคาดว่าดีลการซื้อที่ดินดังกล่าวจะสรุปได้ในปีนี้ รวมถึงแผนการก่อสร้าง มูลค่าการลงทุนโครงการ

"หลังจากนี้จะต้องเข้าประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) เพื่อหาข้อสรุป และเตรียมก่อสร้างในปี 65 ทั้งนี้บริษัทจะพิจารณาการก่อสร้างตามสภาวะเศรษฐกิจ และสถานการณ์โควิด-19 ประกอบกันอีกครั้ง" นายอนุสรณ์ กล่าว

สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างโรงงานใหม่ในประเทศอินเดีย ปัจจุบันยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้การก่อสร้างล่าช้า แต่คาดว่าจะเปิดทำการได้ในไตรมาส 2/65 ส่วนโรงงานที่ 7 ในไทย คาดว่าจะเปิดดำเนินการในไตรมาส 3/64 นี้ตามแผน ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิต (Capacity) โดยรวมทั้งหมด 70-80%

ทั้งนี้ ภาพรวมการส่งออกของไทยล่าสุด เดือน พ.ค.64 ไทยมีมูลค่าการส่งออก 23,057.91 ล้านดอลลาร์ หรือเติบโต 41.59% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราขยายตัวสูงสุดในรอบ 11 ปี ขณะที่ 5 เดือนแรกเติบโต 10.78%

การฟื้นตัวของภาคการผลิต มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ และการระดมการฉีดวัคซีนทั่วโลก และการฟื้นตัวของตลาดสำคัญ อย่างจีน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน เอเชียใต้ อาเซียน เป็นปัจจัยบวกต่อการส่งออกเดือน พ.ค. โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหารอย่างผักผลไม้แช่เย็น ส่งผลให้ตัวเลขการส่งออกกลุ่มดังกล่าวโต 31.9% รวมถึงสินค้าเกี่ยวกับการทำงานที่บ้าน Work From Home ผลิตภัณฑ์ป้องกันโควิด-19 เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก อาหารสัตว์เลี้ยงและรถยนต์ เป็นต้น โดยในปีนี้กระทรวงพาณิชย์ยังคงเป้าหมายการส่งออกไว้ที่ 4%


กำลังโหลดความคิดเห็น