โดย ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์
นักกลยุทธ์การลงทุน บลจ.ยูโอบี
เราประเมินการคงอัตราดอกเบี้ยนนโยบายที่ 0.50% และมุมมองเศรษฐกิจไทยจากการประชุมครั้งนี้ของ กนง.จะเป็นบวกกับการลงทุนในประเทศมากขึ้น ส่วนการลงทุนต่างประเทศยังน่าสนใจสำหรับระยะยาว
ขณะที่เศรษฐกิจไทยแม้จะยังไม่พ้นจากปัญหาการแพร่ระบาดของ โควิด-19 แต่เชื่อว่าครั้งนี้น่าจะเป็นการปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจลงครั้งสุดท้ายของธปท. ในอนาคตจึงอาจมีเซอร์ไพรส์ในเชิงบวก ถ้าสามารถฉีดวัคซีนหรือเปิดเมืองได้เร็วตามเป้าหมาย โดยคาด SET Index จะประคองตัวในกรอบ 1540-1640 ได้ในไตรมาสนี้ และเชื่อว่าถ้าเริ่มเห็นการเดินทางระหว่างประเทศในช่วงสิ้นปีจะขยับขึ้นไปซื้อขายในกรอบ 1600-1680 ได้ในไตรมาสที่สี่
ภาพรวมค่าเงินบาท การที่ธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณเข้มงวด ขณะที่กนง.ยังต้องใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายพยุงเศรษฐกิจจะกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าต่อ ในระยะสั้นไม่ได้เป็นบวกกับเศรษฐกิจ เนื่องจากช่วงนี้การส่งออกสินค้าติดขัดในเชิงโครงสร้าง ส่วนการท่องเที่ยวที่ยังไม่พร้อม ในระยะกลางเมื่อเงินบาทอ่อนก็จะเห็นนักลงทุนต่างชาติทยอยขายสินทรัพย์ในประเทศต่อไป คาดว่าทั้งปีจะเห็นเงินทุนไหลออกจากหุ้นไทยรวมราว 5,000 ล้านดอลลาร์ (จากปัจจุบันที่มีเงินทุนไหลเข้าแล้วราว 2,895 ล้านดอลลาร์) ส่วนตลาดบอนด์แม้ช่วงนี้จะมีเงินทุนไหลเข้าเนื่องจากยิลด์สหรัฐไม่สูงอย่างที่คาด แต่เชื่อว่าจะเห็นนักลงทุนต่างชาติกลับมาขายบอนด์อีกครั้ง มองทั้งปีคาดว่าจะมีเงินทุนไหลเข้าในบอนด์ลดลงเหลือเพียง 500-1,000 ล้านดอลลาร์ (จากปัจจุบันที่มีเงินทุนไหลเข้าแล้วราว 2,415 ล้านดอลลาร์)
ส่วนในมุมการลงทุน นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายและเงินบาทที่อ่อนสนับสนุนการลงทุนต่างประเทศ ในเอเชียมองว่าเกาหลีใต้ สิงคโปร์ และไต้หวัน เป็นสามประเทศที่มีนโยบายเศรษฐกิจดีที่สุดจึงเป็นเป้าหมายของนักลงทุนที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนในเอเชีย เป้าหมายรองลงมาคือจีน อินเดีย และมาเลเซีย ขณะที่หุ้นฮ่องกงและฟิลิปปินส์น่าสนใจน้อยที่สุด