การจุดประเด็น "เปิดประเทศใน 120 วัน" ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผ่านการแถลงการณ์ผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2564 ที่ผ่านมา ได้กลายเป็น "ประเด็นชี้นำ" ถึงทิศทางของประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้าอย่างไร ท่ามกลางที่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลได้เร่งดำเนินการในการจัดหาและฉีดวัคซีนให้ประชาชนภายในประเทศ แม้ว่าในขณะนี้ วัคซีนจะขาดช่วง ส่งผลให้จำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีนต้องสะดุดลง!
ซึ่งการ Reopen Thailand ครั้งนี้ หากมองในมิติการเมือง ถือเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญของ "ผู้นำ" ประเทศ ที่ส่งสัญญาณให้ทุกฝ่ายเร่งเดินหน้า ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ตามกรอบที่นายกฯ ประกาศไว้ แต่ครั้งนี้เชื่อว่า รัฐบาลต้องการ “สร้างความเชื่อมั่น” ให้ภาคธุรกิจ ประชาชนถึงโอกาสกลับมา "ทำมาหากิน" อีกครั้ง มากกว่าผลเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากเศรษฐกิจไทยร่วงอย่างหนักจากการต้องล็อกดาวน์ประเทศในช่วงกว่าปีครึ่ง
โดยสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ณ 20 มิ.ย.64 พบว่า ผู้ติดเชื้อใหม่รวม 3,682 ราย หายป่วยกลับบ้าน 2,401 ราย หายป่วยสะสม 156,333 ราย มีผู้ป่วยสะสม 189,268 ราย มีผู้เสียชีวิต 20 ราย ขณะที่ทาง ศบค.ได้ปรับระดับสีพื้นที่ควบคุมทั่วราชอาณาจักรใหม่ มีผล 21 มิ.ย.64 โดย 4 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ได้แก่ กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ พื้นที่ควบคุมสูงสุดมี 11 จังหวัด พื้นที่ควบคุม 9 จังหวัด และ 53 จังหวัดเป็นพื้นที่เฝ้าระวังสูง
ททท.ปรับเร่งไทม์ไลน์เปิดรับ “Reopen Thailand”
“ทาง ททท.ได้รับนโยบายจากท่านพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการปรับเร่งไทม์ไลน์ใหม่ เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวเร็วขึ้น หลังจากที่นายกฯ เดินหน้าเปิดประเทศไทยใน 120 วัน โดยจะใช้ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เป็นโมเดลต้นแบบในการขยายพื้นที่ออกไป จากเดิมการเปิดประเทศจะเริ่มไตรมาสแรกปี 2565 ใน 10 พื้นที่นำร่อง” นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าฯ ททท.กล่าว
ศูนย์ข้อมูลฯ ชี้กำลังซื้อภาคอสังหาฯ มีปัจจัยฟื้นตัว
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย่ (ศขอ.) เปิดเผยว่า สิ่งที่นายกฯประกาศทำให้เกิดความชัดเจนการคลี่คลายของสถานการณ์จะไปทิศทางใด การคลี่คลายนี้จะทำให้เห็นว่า เดิมเศรษฐกิจไทยในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมจะ Recover กลับมาและค่อยๆ ดีขึ้น ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์จะให้ข้อมูลในแนวทางนี้ แต่เราคิดว่าสิ่งต่างๆ จะมีความชัดเจนในเรื่องของเวลามากขึ้น ดังนั้น ที่มีการคาดการณ์ว่า จีดีพีจะเติบโตได้ 2% นั้น จะมีทิศทางให้เห็นว่าจะเติบโตได้ตามเป้าอย่างไร
“โดยส่วนตัวและภาคธุรกิจก็อาจจะไม่มั่นใจตามที่กระทรวงการคลัง และสภาพัฒน์ประเมิน แต่ยังเห็นสัญญาณเชิงบวกต่อนโยบายต่างๆ มีความชัดเจน มีทิศทางที่เราเห็นว่าไม่น่าจะติดลบต่อเนื่องจากปีที่แล้ว แต่ถ้าไม่มี 120 วันตามที่นายกฯ ประกาศ คนจะไม่มั่นใจ ยิ่งสถานการณ์ฉีดวัคซีนก็ไม่ชัด แต่เมื่อประกาศออกมา ทุกฝ่ายเร่งรัดฉีดวัคซีนตามกรอบเวลาที่นายกฯ กำหนดไว้ คือ ฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมเปิดประเทศ ทำให้คนเริ่มทำมาหากินกันแล้ว จะทำให้กำลังซื้อของคนค่อยๆ ฟื้นดีขึ้น แต่ยังชะลอตัวลงอยู่เหมือนเดิม และจะดีขึ้นในปี 2565 และหากสามารถควบคุมการติดเชื้อคนต่างชาติที่เข้ามาได้ดี จะทำให้เห็นคนเริ่มมีรายได้ กำลังซื้อจะกลับคืนมา”
ดร.วิชัย กล่าวว่า ตอนนี้ในเซกเตอร์ของภาคอสังหาฯ ที่หายไป คือ 1.ผู้ซื้อเพื่อการลงทุนทั้งคนไทยและต่างชาติไม่มีความมั่นใจ กลุ่มนี้หายไป 2.นักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป เนื่องจากติดโควิด-19 และยังไม่มั่นใจเข้ามาซื้ออสังหาฯ ในประเทศไทย ดังนั้น หากมีการเปิดประเทศและให้มีกิจกรรมใกล้เคียงเหมือนเดิมจะทำให้คนทำมาหากินจะเริ่มฟื้นตัวได้
กระตุ้นตลาดต่างชาติรอหลังจบ 120 วันน่าจะเหมาะสม
“ในเรื่องของการเพิ่มเพดานให้ต่างชาตินั้นควรเตรียมให้พร้อม เมื่อจบ 120 วัน แล้วเปิดประตูทุกบานต้อนรับ เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัวเร็ว กลับหัวเร็วขึ้น ไม่ใช่ค่อยๆ ฟื้น ตอนนี้คนจนลงไปเยอะแล้ว เราอยู่กับโควิด-19 มาปีครึ่ง ตอนนี้ใครมีเงินสะสมก็เอามากินมาใช้ ถ้าปล่อยไปนานกว่านี้คนจะจนลงอีก เพราะรายได้น้อยลง ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ต้องควบคุมดีๆ ถ้าเกิดคลัสเตอร์ใหม่ การจะเปิดรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่อื่นอาจจะต้องชะลอกลายเป็นลูกโซ่” ดร.วิชัยกล่าวและว่า จากข้อมูลที่ได้รับจากตัวแทนขายอสังหาจี น (โบรกเกอร์จีน) คนจีนยังสนใจที่จะเข้าลงทุนในประเทศไทย และรอวันการเปิดประเทศให้เข้ามาได้ ซึ่งในกระบวนการโอนห้องชุดนั้น ตอนนี้ลูกค้าจีนเซ็นมอบอำนาจให้กับทางโครงการไว้ก่อน เพื่อจะทำการโอน แต่ก็มีบางรายที่เอกสารไม่ครบ ทำให้การโอนไม่ครบ
ไม่ปรับมุมมองตลาดอสังหาฯ คาดฟื้นตัวชัดเจนปี 65-67
ดร.วิชัย ได้ฉายภาพทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2564 ผ่านผลสำรวจว่า ทางศูนย์ข้อมูลฯ ยังไม่มีการปรับมุมมองต่อภาพรวมอสังหาฯ ในปี 64 แม้จะมีการเปิดประเทศใน 120 วัน โดยผลจากโควิด-19 ทำให้ทั้งตลาดหดตัวในครึ่งแรกปี 64 ประมาณ 1% และ -4% แต่ตลาดจะเริ่มฟื้นตัวครึ่งหลังของปีนี้ แต่ยังไม่ดีขึ้นมาก ต้องรอถึงปี 2565-67
โดยคาดหน่วยใบอนุญาตก่อสร้างในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 64 ประมาณ 109,706 หน่วย (-11.9%) หน่วย เปิดตัวใหม่ 59,587 หน่วย มูลค่า 308,424 ล้านบาท (-10%, -7.7%) หน่วยขายได้ใหม่ 62,314 หน่วย (-7.5%) มูลค่าขายได้ใหม่ 289,620 ล้านบาท (-10.6%)
หน่วยเหลือขาย ณ สิ้นปี 64 จำนวน 174,773 หน่วย (-0.8%) มูลค่าเหลือขาย 853,428 ล้านบาท (-6.1%) (แต่ถ้ารวมทั้งประเทศหน่วยเหลือขายเพิ่มขึ้น 2.1% มูลค่าเหลือขาย 1,305,350 ล้านบาท -3.4%) และหน่วยโอนและมูลค่าการโอนทั้งปีจะอยู่ที่ 188,716 หน่วย มูลค่า 604,875 ล้านบาท (-4.2% และ -1.4%)
คุม "คลัสเตอร์โควิด" ให้นิ่ง ฉีดวัคซีนตามแผน
นายอธิป พีชานนท์ รองประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาสมาคมการค้า นายกกิตติมศักดิ์สมาคมอาคารชุดไทยและสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยในประเด็นคำถาม “ภาคอสังหาริมทรัพย์กับโอกาสการฟื้นตัวหลังจากที่นายกฯ ได้ประกาศเปิดประเทศใน 120 วัน (4 เดือน)” ว่า ระยะเวลาค่อนข้างสั้น ไม่รู้ว่าจะมีความเป็นไปได้ในเรื่องของการเปิดประเทศ จุดหลักๆ คงเป็นเรื่องของวัคซีน ถ้าวัคซีนยังไม่ชัดเจนจะฉีดครบภายใน 120 วันจริงหรือเปล่าจะเป็นเรื่องหนึงที่น่ากังวล
“เราต้องทำการบ้านว่า การเปิดประเทศนักท่องเที่ยวต้องการอะไร เราต้องทำได้ และต้องไม่มีข้อกังวลการติดเชื้อ ปลอดภัย สิ่งที่เราควบคุมไม่ได้คือ การติดเชื้อจะยังคงต่อเนื่องไปแค่ไหน ถ้าเรายังมีคลัสเตอร์ใหม่ๆ คนงานก่อสร้าง หรือไปปูดคลัสเตอร์ตลาดสด ตรงนี้เรายังไม่นิ่ง เราต้องมีและเขียน แอ็กชันแพลน จะทำอย่างไรให้คลัสเตอร์นิ่ง และวัคซีนที่จะไปฉีดแรงงานต่างด้าว คนไทยยังแย่งกันฉีด เมื่อเราไม่มีวัคซีนไปหาคนต่างด้าว แล้วจะหยุดการแพร่เชื้อได้จริงหรือเปล่า”
คาดปีนี้อสังหาฯ ลดลง 10% บวกลบ
นายอธิป กล่าวว่า สำหรับภาคอสังหาฯ ตัวเลขยอดเยี่ยมชมโครงการลดลง ทั้งโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร ซึ่งในส่วนของบ้านจัดสรรแม้จะดีอยู่ แม้ยอดเยี่ยมชมโครงการบ้านจัดสรรลดลง แต่ยังมียอดอยู่ เพราะเป็นเรียลดีมานด์ที่เป็นตัวจริงและเสียงจริง แต่เราเสียดาย เราควรจะมียอด follow up คือ ยอดสะสม ปกติลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมโครงการจะมีทั้งที่สนใจเร่งด่วน อยากจะซื้อเลย และประเภทสนใจ แต่ขอเวลาพิจารณาอีกระยะหนึ่ง
ซึ่งปกติผมจะสอนพนักงานคือว่า เราคัด (ไม่ใช่แปลความว่า ลูกค้าดี ไม่ดีนะ) กลุ่ม A ลูกค้าที่แสดงความต้องการจะซื้อเลย และมีกลุ่ม B มีความพร้อมทางการเงิน แต่มาศึกษาและหาข้อมูล ยังไม่ตัดสินใจซื้อ แต่ไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน หรือกู้ไม่ผ่าน แต่การซื้อที่อยู่อาศัยจะต้องมีเวลาตัดสินใจ ซึ่งในภาวะปกติจะอยู่ประมาณ 3 เดือนบวกลบ และกลุ่ม C สนใจคล้ายๆ กลุ่ม B แต่มีปัญหาเล็กน้อย ในเรื่องของความสามารถที่จะขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน กลุ่มนี้ต้องใช้เวลาในการพัฒนาอย่างน้อย 6 เดือนจนไปถึง 1 ปี แต่สถานการณ์ปัจจุบัน กลุ่ม B และ C ไม่เข้าเยี่ยมชมโครงการ เนื่องจากลูกค้าไม่รีบ แต่ที่โครงการบ้านจัดสรรยังขายได้ คือ กลุ่ม A เพราะมีความจำเป็นเร่งด่วนและพร้อมด้วย ทำให้ยอดโครงการแนวราบยังโอเค
“กลุ่มโครงการคอนโดฯ ไม่ต้องพูดถึง กลุ่ม A B และ C ไม่โผล่มา แถมต่างชาติ ยังไม่มา เก็งกำไรก็หายไป ลงทุนให้เช่าก็จางหายไป ตรงนี้ เหตุผลเพราะการซื้อคอนโดฯ ยังไม่มีความจำเป็นต้องรีบ เพราะโครงการที่มีอยู่จะมีแบบสร้างเสร็จแล้ว ขายไม่หมด อันนี้ก็ชะลอ แต่ส่วนใหญ่โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ลูกค้าที่เคยซื้อแล้ว ก็ไม่เห็นต้องรีบ เมื่อยังมีเหตุการณ์ผิดปกติ ก็รอดูเหตุการณ์ก่อน ยิ่งคอนโดฯ สร้างเสร็จพร้อมโอน อันนี้แรงกดดันจะอยู่ที่ผู้ประกอบการ จนเกิดสงครามราคา ในการจะดึงดูด แต่คนก็ยังไม่ตัดสินใจ และยังมีคอนโดฯ มือสองมาแข่งขันอีก ทำให้คอนโดฯ อยู่อาการที่หนักกว่าโครงการบ้านจัดสรร แม้ว่าบ้านมือสองจะมี แต่ไม่ใช่คู่แข่งตัวจริงของโครงการบ้านจัดสรรมือหนึ่ง อีกทั้งราคาห้องชุดยังมีความยืดหยุ่น เนื่องจากซื้อในราคาเก่า สามารถขายแบบไม่เอากำไรได้ แต่บ้านมือหนึ่งแพงอยู่แล้วในทำเลเดียวกัน”
ดังนั้น ประเด็นที่พิจารณาว่าการเปิดประเทศใน 120 วัน ขึ้นอยู่กับว่า 1.สถานการณ์ภาพรวมโรคระบาดและเศรษฐกิจดีขึ้นจริงหรือเปล่า 2.อุปทาน (ซัปพลาย) ในตลาดอสังหาฯเป็นอย่างไร การจะฟื้นตัวได้อยู่ที่ยอดขาย แต่หากซัปพลายในตลาดไหลเพิ่มขึ้นมาอีก หรืออัตราดูดซับช้าลงอีก นโยบายการเปิดประเทศ 120 วันก็ช่วยอะไรไม่ได้ และการที่ต่างชาติจะมาซื้ออสังหาฯ หลังจากเปิดประเทศแล้วมีอะไรที่เป็นจุดดึงดูดใหญ่ให้ต่างชาติต้องเข้ามาซื้อ ตอนนี้ เรื่องวีซ่าก็ไม่ได้ให้สิทธิพิเศษอะไร เคยเสนอ ถ้าชาวต่างชาติซื้ออสังหาฯ เหมือนตอนปี 2540 ลงทุน 10 ล้านบาท ซื้ออสังหาฯ ตราสารทางการเงิน ได้วีซ่าฟรี 10 ปี คน (ต่างชาติ) จะรู้สึกจูงใจกว่าแจกบัตรอีลิดการ์ด
“ภาคอสังหาฯ ไม่ได้อยู่คนเดียว ถ้าคนไม่มั่นใจ โอกาสที่จะผม (ผู้ประกอบการอสังหาฯ) จะสร้างฐานกลุ่ม B และ C คงเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้เราก็รอกลุ่ม A แต่เป็นกลุ่มที่มีความต้องการอยู่แล้ว กลุ่มนี้ควักเอง กลุ่ม A ยังไม่หมด เพราะประชากรต้องมีการเติบโตขึ้น” นายอธิป กล่าว
สำหรับภาคอสังหาฯ ในครึ่งปีแรกนั้น คาดติดลบไม่เกิน 10% เพราะฐานปีที่แล้วไม่ดี เนื่องจากโควิด-19 เริ่มระบาดแต่ยังไม่สุกงอม เรามองว่าปีนี้บ้านจัดสรรไม่เลวร้ายมาก ทั้งนี้ ต้องมองภาพรวมอสังหาฯ ในครึ่งปีหลัง ถ้าตลาดคอนโดฯ มีสิทธิกลับมา เนื่องจากความต้องการคอนโดฯ ยังพอมีอยู่ เพียงแต่คนยังไม่กล้าตัดสินใจและไม่สามารถจัดกิจกรรมได้ เพราะยังเป็นสินค้าที่ก่อสร้างยังไม่เสร็จ ส่วนโครงการบ้านจัดสรรลูกค้าได้เห็นบ้านตัวอย่างที่แล้วเสร็จ คาดตลาดกลุ่มแนวราบจะดีต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 64 ทำให้ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ติดลบไม่ถึง 10%
'AWC' หนุนเปิดประเทศ' ข่าวดีของอุตฯ ท่องเที่ยวไทย
นางวัลลภา ไตรโสรัส (สิริวัฒนภักดี) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) (AWC) หนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในเครือทีซีซี กรุ๊ป ของ "เจริญ สิริวัฒนภักดี" โดยปัจจุบันกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ 1 ใน 2 กลุ่มธุรกิจหลักที่ขับเคลื่อนอาณาจักของแอสเสท เวิร์ดฯ มีห้องพักเพื่อให้บริการลูกค้ามากที่สุดในประเทศไทยด้วยจำนวน 10,136 ห้อง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การกำหนดเปิดประเทศใน120 วัน เพื่อรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วเข้ามาในประเทศ ถือเป็นข่าวดีของอุตฯ การท่องเที่ยวไทย ที่จะทำให้ทุกภาคธุรกิจสามารถวางเเผนกลยุทธ์รองรับการฟื้นตัวตามกรอบเวลาได้ชัดเจนขึ้น สำหรับ AWC ในช่วงที่ผ่านมาเราไม่เคยหยุดนิ่ง เราเตรียมความพร้อมและเดินหน้าอยู่ตลอด โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการคุณภาพร่วมกับพันธมิตร เพื่อเสริมความเเข็งเเกร่งของกลุ่มธุรกิจ รับโอกาสที่กำลังจะมาถึงอีกครั้ง และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม