ธปท.เปิดตัวนวัตกรรม "การชำระเงินผ่าน QR Code" ระหว่างประเทศไทยและประเทศมาเลเซียครั้งแรก เฟส 2 ลูกค้าใช้แอปพลิเคชันบนมือถือสแกน Thai QR code เพื่อชำระค่าสินค้า คาดว่าจะเริ่มให้บริการในไตรมาสที่ 4 ปี 2564
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารกลางมาเลเซีย (Bank Negara Malaysia : BNM) ได้เปิดตัวนวัตกรรมด้านการชำระเงินผ่าน QR Code ระหว่าง 2 ประเทศเป็นครั้งแรก ซึ่งการเชื่อมโยงในครั้งนี้ ลูกค้าและร้านค้าของทั้ง 2 ประเทศจะสามารถทำรายการชำระเงินและรับเงินระหว่างประเทศผ่าน QR code ได้ทันที โครงการได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 โดยแบ่งโครงการเป็น 3 ระยะ และในวันนี้เป็นความสำเร็จของการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินรายย่อยแบบทันทีของทั้ง 2 ประเทศในระยะแรกระหว่างระบบพร้อมเพย์ของประเทศไทย กับระบบ Real-time Retail Payments Platform (RPP) ของประเทศมาเลเซีย
ในระยะแรก ลูกค้าในประเทศไทยสามารถใช้แอปพลิเคชันบนมือถือสแกน DuitNow QR code เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการที่ร้านค้าในประเทศมาเลเซีย ซึ่งรวมถึงการซื้อขายออนไลน์ระหว่างประเทศ นอกจากนี้ บริการนี้จะมีประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการจำนวนมากเมื่อการเดินทางระหว่างประเทศกลับสู่ภาวะปกติ โดยนักท่องเที่ยวสามารถชำระเงินได้ด้วยแอปพลิเคชันบนมือถือแทนการใช้เงินสด
ในระยะที่สอง ลูกค้าในประเทศมาเลเซียสามารถใช้แอปพลิเคชันบนมือถือสแกน Thai QR code เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการที่ร้านค้าในประเทศไทย คาดว่าจะเริ่มให้บริการในไตรมาสที่ 4 ปี 2564 และในระยะสุดท้ายจะมีการขยายบริการสู่การโอนเงินระหว่างประเทศ (Remittance) ซึ่งลูกค้าทั้ง 2 ประเทศสามารถโอนเงินข้ามประเทศแบบทันที โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือของผู้รับโอน คาดว่าจะเริ่มให้บริการในไตรมาสที่ 4 ปี 2565
ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของการเชื่อมโยงการชำระเงินในอาเซียน (ASEAN Payment Connectivity) เพื่อส่งเสริมการบูรณาการทางการเงินในระดับภูมิภาคด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และพัฒนาประสบการณ์การใช้งานบริการชำระเงินระหว่างประเทศ ซึ่งการเชื่อมโยงครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น และเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจภายหลังจากการคลี่คลายของสถานการณ์โรคระบาด
นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ธปท. เห็นความสำคัญของการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ และได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเชื่อมโยงครั้งนี้เป็นการต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินของไทย เพื่อส่งเสริมการทำธุรกรรมการชำระเงินรายย่อยระหว่าง 2 ประเทศ ทั้งในช่วงสถานการณ์การเกิดโรคแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน และเมื่อกลับสู่ภาวะปกติ อีกทั้งบริการดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุน ส่งเสริมการค้าชายแดนและการซื้อขายผ่าน e-commerce ระหว่างประเทศ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจอาเซียนเติบโตและก้าวไปสู่สังคมดิจิทัลอีกด้วย
นายอับดุล ราชีด กาฟโฟร์ รองผู้ว่าการ BNM เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การเชื่อมโยงระบบการชำระเงินรายย่อยจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกในการทำธุรกรรมชำระเงินระหว่างประเทศ โดยจะทำให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมระหว่างประเทศได้รวดเร็วขึ้น ด้วยค่าธรรมเนียมที่ถูกลง และครอบคลุมการทำธุรกรรมชำระเงินได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งบริการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มทางเลือกในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศให้ลูกค้าและร้านค้า รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการเชื่อมโยงและการบูรณาการทางการเงินในระดับภูมิภาค
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย และธนาคาร Public Bank เป็น 2 ธนาคารแรกที่ให้บริการชำระเงินผ่าน QR Code ระหว่างประเทศในโครงการนี้ และในระยะต่อไปจะมีผู้เข้าร่วมให้บริการเพิ่มเติม เพื่อขยายจำนวนลูกค้าและร้านค้า
ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทุกฝ่าย รวมถึงผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินของทั้ง 2 ประเทศ ได้แก่ Payments Network Malaysia (PayNet) และเนชั่นแนลไอทีเอ็มเอ็กซ์ (NITMX) และกลุ่มธนาคารซีไอเอ็มบีที่ทำหน้าที่ชำระดุลระหว่างประเทศ