MGR Online - ปอศ.จับหนุ่มอินเดีย ใช้ข้อมูลบัตรเครดิตผู้อื่นซื้อสกู๊ตเตอร์-โกคาร์ทไฟฟ้าออนไลน์ มูลค่าเฉียดล้าน สารภาพได้ข้อมูลบัตรจากเพื่อนสาวชาติเดียวกัน ก่อนสั่งซื้อสินค้าเพื่อไปขายต่อ
วันนี้ (15 มิ.ย.) พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ปอศ. สั่งการ พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ. พ.ต.ท.กริช วรทัต, พ.ต.ท.ภูวเดช จุลกะเสวี รอง ผกก.5 บก.ปอศ.นำกำลังจับกุม นายเนแรล์ เซริส คาริเกอร์ อายุ 36 ปี สัญชาติอินเดีย พร้อมของกลางสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า จำนวน 13 คัน รถยนต์โกคาร์ทไฟฟ้า จำนวน 3 คัน, สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสำหรับผู้ใหญ่ จำนวน 6 คัน และจักรยานไฟฟ้าจำนวน 1 คัน ได้ที่ถนนบรรทัดทอง แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม.
พ.ต.อ.ภาดล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่ามีกลุ่มคนร้ายลักลอบใช้ข้อมูลบัตรเครดิตของผู้อื่นสั่งซื้อสินค้าจากช่องทางอินเทอร์เน็ตผ่านบริการระบบการชำระเงิน (Payment Gateway) ซึ่งในทางการสืบสวนทราบว่าคนร้ายมักทำรายการสั่งซื้อสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ายี่ห้อดัง ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มวัยทำงาน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจนกระทั่งพบร้านค้าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าแห่งหนึ่ง เมื่อตรวจสอบข้อมูลการสั่งซื้อที่เกี่ยวข้องพบลูกค้ารายหนึ่งมีความผิดปกติ เนื่องจากมีการทำรายการสั่งซื้อผ่านบัตรเครดิตจำนวนหลายใบ และสั่งซื้อสินค้าประเภทสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และจักรยานไฟฟ้า จำนวนหลายรายการ รวมมูลค่าสินค้าเป็นเงินประมาณ 800,000 บาท และข้อมูลบัตรเครดิตที่ทำการสั่งซื้อสินค้านั้นตรงกับข้อมูลที่เจ้าหน้าที่มี จึงได้สอบถามเจ้าของร้านทราบว่าจะมีชาวอินเดียมารับสินค้าด้วยตัวเอง จึงออกอุบายให้มารับสินค้าที่สั่งซื้อไว้ที่ร้าน กระทั่งพบผู้ต้องหามารับสินค้าตามนัด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวจับกุม ก่อนขยายผลยึดของกลางได้ดังกล่าว
พ.ต.อ.ภาดล กล่าวต่อว่า ขอประชาสัมพันธ์ถึงพี่น้องประชาชนว่าพฤติการณ์ดังกล่าว เป็นภัยทางเศรษฐกิจอีกรูปแบบหนึ่ง คนร้ายสามารถนำข้อมูลบัตรอีเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นไปใช้และก่อให้เกิดความเสียหายได้ จึงฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชนว่า ควรเก็บรักษาข้อมูลสำคัญของบัตรเครดิต / เดบิต ได้แก่ หมายเลขหน้าบัตร , รหัสหลังบัตร (CVV), รหัส OTP ให้เป็นความลับ ไม่เปิดเผยให้ผู้อื่น และเลือกร้านค้า / เว็บไซต์ซื้อสินค้า ที่น่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันมิให้เกิดการลักลอบนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้จนเกิดความเสียหายในอนาคต
สอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้ข้อมูลบัตรเครดิตมาจากเพื่อนสาวอินเดียคนหนึ่งและได้สั่งซื้อสินค้าดังกล่าวจริง ก่อนที่จะนำไปขายต่อ อย่างไรก็ตาม ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการขยายผลหาความเชื่อมโยงหากพบว่ามีผู้ร่วมขบวนการก็จะดำเนินคดีทันที เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันใช้บัตรอีเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน” และควบคุมตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป