ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)(BAY) ขานรับมาตรการธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) เร่งให้ความช่วยเหลือลูกค้าธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ส่งทีมผู้จัดการธุรกิจสัมพันธ์ทำงานเชิงรุกเพิ่มขึ้นให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าอย่างทั่วถึงและตรงจุด พร้อมเตรียมวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ช่วยหนุนสภาพคล่องให้แก่ภาคธุรกิจ
นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กรุงศรีเข้าใจถึงปัญหาและสถานการณ์ความท้าทายที่เกิดขึ้นจากวิกฤตโควิด-19 ที่ยังส่งผลกระทบในวงกว้างต่อทุกภาคส่วน ซึ่งที่ผ่านมา กรุงศรีได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่องผ่านมาตรการต่างๆ ของธนาคารเองและตามนโยบายของภาครัฐ โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กรุงศรีได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าเพิ่มเติม เป็นระยะที่ 3 ซึ่งครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม สำหรับลูกค้าธุรกิจ ธนาคารได้ทำงานเชิงรุกในการจัดทีมผู้จัดการธุรกิจสัมพันธ์ติดต่อกับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอเพื่อติดตามสถานการณ์และช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างเหมาะสม โดยที่ผ่านมาธนาคารได้ช่วยเหลือลูกค้าธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไปแล้วกว่า 30,000 ราย เป็นยอดสินเชื่อกว่า 200,000 ล้านบาท
พร้อมกันนั้น กรุงศรีพร้อมขานรับมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่านมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูตาม พ.ร.ก. ฟื้นฟูฯ เพื่อลดภาระหนี้ เสริมสภาพคล่องในการประกอบธุรกิจในช่วงที่เศรษฐกิจยังมีความเสี่ยงจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ โดยมีบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ช่วยค้ำประกันให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น
ทั้งนี้ มาตรการสินเชื่อฟื้นฟูของธนาคารจะมุ่งช่วยเหลือทั้งลูกค้าปัจจุบันของธนาคารและลูกค้าใหม่ที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจ ทั้งในนามนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา โดยลูกค้าปัจจุบันสามารถขอสินเชื่อได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของวงเงินสินเชื่อที่มีกับธนาคาร และลูกค้าใหม่สามารถขอสินเชื่อได้สูงสุดไม่เกิน 20 ล้านบาท โดยนับรวมทุกวงเงินจากทุกสถาบันการเงิน อัตราดอกเบี้ยพิเศษ คือ 2% ใน 2 ปีแรก และในช่วง 6 เดือนแรกไม่ต้องเสียดอกเบี้ยด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐ รวมแล้วอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยใน 5 ปี ไม่เกิน 5% ต่อปี นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังสามารถผ่อนชำระได้นานสูงสุดไม่เกิน 10 ปี รวมทั้งธนาคารจะไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ จากสินเชื่อฟื้นฟู
สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงสามารถเข้าร่วมมาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ ด้วยการนำทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันโอนให้ธนาคารเพื่อลดภาระหนี้ อย่างไรก็ตาม ลูกค้ายังสามารถเช่าทรัพย์เพื่อดำเนินธุรกิจต่อไปได้และยังสามารถซื้อทรัพย์คืนในช่วงเวลา 3-5 ปีได้ ทั้งยังได้รับสิทธิพิเศษฟรีค่าธรรมเนียมการใช้สินเชื่ออีกด้วย ทำให้ไม่ต้องรับภาระต้นทุนทางการเงินชั่วคราวและลูกค้ายังสามารถรักษาทรัพย์สินของตนเองไว้ได้ เพิ่มโอกาสในการกลับมาดำเนินธุรกิจได้ในอนาคต
ทั้งนี้ นอกจากมาตรการจาก ธปท.แล้ว กรุงศรียังคงมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าสินเชื่อธุรกิจเช่นเดียวกับที่ธนาคารได้สนับสนุนลูกค้าธุรกิจมาโดยตลอดระยะเวลาที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 โดยให้ความช่วยเหลือในหลายรูปแบบตามความเหมาะสมของแต่ละธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการพักชำระเงินต้น พักชำระค่างวด ปรับลดจำนวนเงินผ่อนชำระ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย และปรับประเภทวงเงินสินเชื่อ ซึ่งในขณะนี้ได้มีลูกค้ายื่นความประสงค์ขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากทั้งมาตรการจาก ธปท. และมาตรการช่วยเหลือของธนาคารมาแล้วเป็นจำนวนมาก ซึ่งธนาคารกำลังเร่งดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มที่
"นอกเหนือจากมาตรการช่วยเหลือทางการเงินแล้ว กรุงศรียังคงเดินหน้าช่วยเหลือลูกค้าในการขยายโอกาสทางธุรกิจซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โควิด-19 ที่ลูกค้าประสบความยากลำบากในการรักษายอดขาย โดยธนาคารจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องโดยร่วมมือกับมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) ที่มีเครือข่ายลูกค้าทั่วโลก"
ในส่วนของลูกค้าบุคคล ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าสินเชื่อส่วนบุคคล ลูกค้าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยหรือมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน ลูกค้าสินเชื่อยานยนต์ ลูกค้าบัตรเครดิต ผ่านมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ซึ่งธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือไปแล้วรวมกว่า 228,984 บัญชี ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564