เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ ปิดเทรดวันแรกเหนือจอง 1.70 บาท คิดเป็น 14.17% จากราคาไอพีโอที่กำหนดไว้หุ้นละ 12 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 4,060.99 ล้านบาท ผู้บริหารพอใจเตรียมนำเงินไปใช้ตามแผนเพื่อความต่อเนื่องในการลงทุน โบรกฯ ให้ราคาเป้าหมาย 15.70 บาท
หุ้นของบริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NSL เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรก เมื่อเปิดตลาดพบว่าราคาหุ้นอยู่ที่ 14.60 บาท เหนือจอง 21.67% จากราคาไอพีโอ 12 บาท ระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 15.80 บาท ต่ำสุดที่ 13.70 บาท และเมื่อปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 13.70 เพิ่มขึ้น 1.70 บาท คิดเป็น 14.17% มูลค่าซื้อขาย 4,060.99 ล้านบาท
นายสมชาย อัศวปิยานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ NSL เผยว่า หุ้น NSL เข้าเทรดวันแรกนี้ราคาถือว่าน่าพอใจ เพราะใกล้เคียงกับนักวิเคราะห์ให้เป้าหมายราคาไว้ และด้วยพื้นฐานธุรกิจของบริษัทที่ดี และยังมีโอกาสในการเติบโตด้วย ส่วนเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้เพื่อจ่ายคืนหนี้สินเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับที่ปรึกษาทางการเงิน ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและสร้างโรงงานแห่งใหม่ อีกทั้งจะช่วยให้ NSL Foods สามารถสร้างศักยภาพในการเติบโตได้อย่างยั่งยืน เสริมสร้างความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงิน สร้างความต่อเนื่องในการลงทุน
ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้ทำรายได้รวม 763.8 ล้านบาท ลดลง 5.7% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 56.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75% คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 7.3% เมื่อเทียบกับ 4% ของช่วงเดียวกันปีก่อน โดยสาเหตุสำคัญมาจากการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพของบริษัทผ่านกลยุทธ์ที่ยั่งยืนท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 และมั่นใจรายได้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 3,500 ล้านบาท แม้ว่าจะมีผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 บ้าง แต่อย่างไรก็ตามด้วยระบบต่างๆ ของบริษัทยังคงสามารถบริหารจัดการได้ดี
บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นผู้ร่วมการจัดจำหน่ายหุ้น ประเมินราคาเป้าหมายที่ 15.70 บาท เพราะ NSL เป็นผู้พัฒนาและผลิตแซนด์วิชอบร้อนประกอบเสร็จ และเป็นผู้ผลิตรายหลักให้ CPALL มีจุดแข็งด้านช่องทางการจำหน่ายใน 7-11 และปิดความเสี่ยงด้วยการทำ MOU มีข้อตกลงว่า CPALL จะไม่ซื้อสินค้าที่มีลักษณะเดียวกันกับสินค้าที่พัฒนาร่วมกันกับ NSL จากผู้ขายรายอื่น รวมถึงมีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้ Non 7-11 จากการพัฒนาสินค้าใหม่ Ready to eat และกลุ่ม Food Services ที่จะกลับมาฟื้นตัวในปีนี้หลังจากเพิ่งซื้อเข้ามาช่วงครึ่งหลังปี 62 และถูกกระทบจากโควิด-19 ในปี 2563 เราคาดกำไรสุทธิปี 2564 +49% Y-Y และ 3 ปีข้างหน้าโตเฉลี่ย 19% CAG