วีซ่า ผู้ให้บริการการชำระเงินดิจิทัลประกาศความก้าวหน้าครั้งสำคัญของธุรกิจในการเชื่อมโยงโลกแห่งสกุลเงินดิจิทัลและสกุลเงินทั่วไปเข้าด้วยกัน ด้วยการเปิดให้ USD Coin (USDC) หรือสเตเบิลคอยน์ (stablecoin) ที่อ้างอิงราคากับเงินดอลลาร์สหรัฐ มาใช้ชำระเงินในการทำธุรกรรมกับวีซ่าได้เพิ่มเติมจากอีเธอเรียม (Ethereum) หนึ่งในสกุลเงินดิจิทัลที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในบล็อกเชนแบบเปิด (open-source) โดยวีซ่าได้เปิดให้ทดลองผ่าน Crypto.com ซึ่งนอกจากจะเป็นพันธมิตรของวีซ่าแล้ว ยังเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มรายใหญ่ในโลกคริปโตอีกด้วย โดยวีซ่าได้วางแผนที่จะเปิดรับการชำระด้วยสกุลเงิน USDC กับพันธมิตรรายอื่นๆ ภายในปลายปีนี้
ทั้งนี้ การผลักดันสกุลเงินดิจิทัลให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการชำระเงินถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญสำหรับกลยุทธ์ Network of Networks ของวีซ่า เพื่อส่งเสริมการเคลื่อนที่ของเงินตราไม่ว่าจะเป็นส่วนที่ดำเนินอยู่บนเครือข่ายของวีซ่า หรือเครือข่ายอื่น วีซ่ามุ่งเสริมสร้างคุณค่าอีโคซิสเต็มด้วยการทำให้คริปโตเคอร์เรนซีเป็นสกุลเงินที่มีความปลอดภัยเพิ่มขึ้น และนำไปใช้จ่ายในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น ผ่านการใช้ประโยชน์ของเครือข่ายวีซ่าที่มีอยู่ทั่วโลก การเข้าถึงพันธมิตรทางธุรกิจ และความน่าเชื่อถือของแบรนด์
โดยในปีที่ผ่านมา วีซ่าได้กรุยทางสำหรับการชำระเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัลภายในโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินที่มีอยู่ของวีซ่า ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีการเคลื่อนย้ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์ในแต่ละวันไปยังหลายพันสถาบันการเงินที่มีอยู่ในมากกว่า 200 ประเทศและ 160 สกุลเงิน นอกจากนี้ วีซ่าได้ทำงานกับ Anchorage ธนาคารที่ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกและพันธมิตรทางธุรกิจรายสำคัญด้านการชำระบัญชีด้วยสกุลเงินดิจิทัลของวีซ่า ในการเปิดทดสอบให้ Crypto.com ส่งเงินสกุล USDC ให้แก่วีซ่า เพื่อชำระหนี้ในส่วนของบัตร Crypto.com วีซ่า
กระบวนการชำระบัญชีตามมาตรฐานของวีซ่า ต้องการให้พันธมิตรชำระเงินในรูปแบบของสกุลเงินทั่วไป โดยสามารถเพิ่มทุนและความซับซ้อนให้แก่ธุรกิจที่เกิดขึ้นด้วยสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ ได้ ซึ่งที่สุดแล้วความสามารถในการชำระบัญชีด้วย USDC สามารถช่วยให้ Crypto.com และบริษัทอื่นๆ ที่ดำเนินธุรกิจด้านคริปโตประเมินพื้นฐานโมเดลการทำธุรกิจใหม่ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีเงินคงคลังและผังระบบงานสำหรับการชำระบัญชีเช่นธุรกิจทั่วไป การอัปเกรดทางด้านการเงินและการบูรณาการร่วมกับ Anchorage ของวีซ่า ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านศักยภาพของวีซ่าในการสนับสนุนสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currency : CBDC) ได้โดยตรงในอนาคต
นายแจ๊ค ฟอเรสเทลล์ รองประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารผลิตภัณฑ์ของวีซ่า กล่าวว่า ผู้ประกอบการฟินเทคทางด้านคริปโตต้องการคู่ค้าที่เข้าใจการทำธุรกิจของพวกเขา รวมถึงความซับซ้อนของปัจจัยต่างๆ ในรูปแบบของสกุลเงินดิจิทัล การประกาศในครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า เรามีศักยภาพที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบธุรกิจฟินเทคในเรื่องของสเตเบิลคอยน์ หรือคริปโตเคอร์เรนซีได้ รวมถึงเป็นการต่อยอดสิ่งที่วีซ่าทำอยู่ในทุกวันนี้อย่างการอำนวยความสะดวกให้การชำระเงินให้มีความปลอดภัยสูงสุดในหลากหลายสกุลเงินทั่วโลก
นายคริส มาร์สซาเล็ค ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Crypto.com กล่าวว่า เราได้เห็นการเติบโตอย่างเป็นประวัติการณ์ของกิจการของเรา พร้อมไปกับระบบนิเวศคริปโตที่ขยายวงกว้างยิ่งขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา และเพื่อเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านของโลกสู่สกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซี เราต้องการพันธมิตรที่มีความเข้าใจถึงโอกาส และเครื่องมือที่จะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงตลาดได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การได้เป็นพันธมิตรกับวีซ่าในหลายปีที่ผ่านมา เรารู้สึกตื่นเต้นและยินดีที่ได้สานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นผ่านข้อตกลงระดับโลกในครั้งนี้ พร้อมกับการเป็นผู้บุกเบิกเจ้าแรกในการเปิดให้ชำระเงินด้วยสเตเบิ้ลคอยน์เป็นครั้งแรกของโลก
"แพลตฟอร์ม Anchorage ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสถาบันอย่างวีซ่า เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในกลุ่มคริปโต เราได้ทำงานร่วมกับวีซ่าในทุกขั้นตอนตั้งแต่ปี 2562 ที่ผ่านมา และมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เห็นระบบการชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์เหล่านี้เกิดขึ้นจริงๆ เป็นครั้งแรกผ่านแพลตฟอร์ม Anchorage APIs ของเรา" นายดิโอโก้ โมนิก้า ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานกรรมการของ Anchorage กล่าวเสริม
นายเดวิด พุท ซีอีโอของ Centre ซึ่งเป็นผู้ตรวจสอบการออกใบอนุญาตของ USDC กล่าวปิดท้ายว่า "วีซ่ากำลังขับเคลื่อนตลาดไปข้างหน้าผ่านการนำนวัตกรรมของวีซ่ามาใช้เพื่อเพิ่มวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย เรารู้สึกประทับใจถึงความพยายามต่างๆ ของวีซ่า การมีสกุลเงิน USDC บนเครือข่ายของวีซ่าเป็นอีกก้าวสำคัญในภารกิจของเราที่ต้องการเชื่อมโยงโลกเข้าด้วยกันผ่านการใช้สเตเบิลคอยน์ที่อยู่บนมาตรฐานของ Centre โดยเริ่มที่สกุลเงิน USDC เป็นสกุลแรก"