คลังเตรียมเปิดลงทะเบียนผู้ร่วม "คนละครึ่ง" เฟสสาม และ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" หลังสรุปรายละเอียดเสนอ ครม.เร็วๆ นี้ มั่นใจดึงเงินในกระเป๋ากระตุ้นบริโภคในประเทศ ชี้ผู้ร่วมต้องเลือกโครงการใดโครงการหนึ่ง เผย "ยิ่งใช้ยิ่งได้" จะคืนวอยเชอร์เข้าเป๋าตังราว 10-15%
น.ส.กุลยา ตันตเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงการเข้าร่วมมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันพุธที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ในส่วนมาตรการเร่งด่วนที่จะดำเนินการผ่านมาตรการเราชนะ และ ม. 33 เรารักกันนั้น จะเป็นการเติมเงินให้แก่ผู้ที่ร่วมโครงการเดิมจำนวน 2 สัปดาห์ๆ ละ 1 พันบาท รวมเป็นมาตรการละ 2 พันบาทต่อคน ดังนั้น ผู้ที่เข้าร่วมโครงการอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนร่วมโครงการใหม่แต่อย่างใด
ทั้งนี้ โครงการนี้จะสิ้นสุดในเดือน มิ.ย.นี้ ใช้งบประมาณรวม 8.55 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นมาตรการเราชนะ 6.7 หมื่นล้านบาท และ ม.33 เรารักกันอีก 1.85 หมื่นล้านบาท โดยกระทรวงการคลังจะเสนอรายละเอียดเพิ่มเติมในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า เพื่อให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบได้ภายในเดือน พ.ค.นี้ และใช้จ่ายได้จนถึงสิ้นเดือนมิ.ย.นี้
สำหรับมาตรการระยะต่อไปที่จะเริ่มหลัง มิ.ย.นี้ กระทรวงการคลังกำลังเร่งสรุปรายละเอียดเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีเร็วๆ นี้ ได้แก่ 1.การเติมเงินเข้าบัตรคนจนอีก 200 บาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน โครงการนี้จะใส่เงินให้ผู้ถือบัตรคนจนทั้งหมดรวมประมาณ 16 ล้านคน ผู้ร่วมโครงการไม่ต้องลงทะเบียนเช่นกัน เพราะเงินจะใส่เข้าไปในบัตรให้ทันทีที่เริ่มโครงการ
2.มาตรการคนละครึ่งเฟสที่ 3 มาตรการนี้ สำหรับผู้ร่วมโครงการรายเดิมจะมีการสอบถามผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังว่า ต้องการเข้าร่วมโครงการนี้ต่อหรือไม่ โดยให้กดยอมรับให้แอปพลิเคชันดังกล่าว ถ้าต้องการเข้าร่วมระบบจะทำการเติมเงินเข้าเป๋าตังให้เหมือนเดิม กรณีรายใหม่ที่ต้องการเข้าร่วม จะต้องทำการลงทะเบียนใหม่ ทั้งนี้ มาตรการนี้ รัฐบาลจะใส่เงินให้ทั้งหมด 3 พันบาทต่อคน
ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายจะมีจำนวน 31 ล้านคน แบ่งเป็นผู้ที่เคยได้สิทธิในโครงการคนละครึ่งเฟส 1 และ เฟส 2 แล้ว จำนวน 15 ล้านคน ซึ่งกลุ่มนี้ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่
ส่วนผู้ที่ยังไม่เคยรับสิทธิโครงการคนละครึ่งนั้นกระทรวงการคลังจะเปิดให้ลงทะเบียนเพิ่มอีก 16 ล้านสิทธิซึ่งวันที่จะเปิดให้ลงทะเบียนจะมีความชัดเจนเร็วๆ นี้ สำหรับรูปแบบการใช้จ่ายจะเป็นแบบโคเพย์ (Co-pay) โดยรัฐบาลจะโอนเงินเข้าแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ให้วันละ 150 บาททุกวันจนครบ 3 พันบาท
3.มาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้ มาตรการนี้รัฐบาลจะหนุนเป็น e-voucher เข้าแอปพลิเคชันเป๋าตังให้คนละไม่เกิน 7 พันบาท สำหรับซื้อสินค้าและบริการต่างๆ โดยผู้ที่ต้องการเข้าร่วมโครงการจะต้องลงทะเบียนเพื่อร่วมโครงการ คาดว่าจะมีผู้ร่วมโครงการประมาณ 4 ล้านราย โดยผู้ที่ต้องการได้ voucher เต็มจำนวน 7 พันบาท จะต้องมีการใช้จ่ายระดับหนึ่ง
"มาตรการนี้จะเป็นมาตรการที่ดึงเงินในกระเป๋าของผู้ที่มีรายได้ปานกลางถึงระดับสูง เพื่อให้เม็ดเงินมีส่วนเข้าไปกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ โดยเขาจะต้องใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการก่อน จากนั้นรัฐจะคืนส่วนหนึ่งราว 10-15% ของเงินที่ใช้จ่ายเข้าไปในแอปพลิเคชันเป๋าตัง ดังนั้น หากผู้ร่วมโครงการต้องการได้เงินคืนมาเต็ม 7 พันบาท ก็ต้องใช้จ่ายเงินระดับหนึ่งหรือหลายหมื่นบาท"
ทั้งนี้ มาตการทั้งหมดนี้ครอบคลุมความช่วยเหลือประชากรมากที่สุดถึง 51 ล้านคน คาดว่า จะใช้งบประมาณราว 2.45 แสนล้านบาท ซึ่งยังอยู่ภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท