บล.โกลเบล็ก ประเมินหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนจากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศพุ่งต่อเนื่อง ส่งผลหลายจังหวัดยกระดับป้องกันเข้มข้นมากขึ้น และสถานการณ์ต่างประเทศที่สะเทือนอีกครั้งหลัง “โจ ไบเดน” ประกาศขึ้นภาษีจากการลงทุน และภาษีผู้มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์ พร้อมแนะจับตาการการประชุม ครม. และการประชุมภาคเอกชนร่วมหาแนวทางการจัดหาและกระจายวัคซีน จึงให้กรอบดัชนี 1,544-1,587 จุด
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยมีโอกาสแกว่งตัวผันผวนจากแรงกดดันตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศที่ยังเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับการที่หลายจังหวัดที่เป็นพื้นที่สีแดงยกระดับเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 สั่งปิดสถานที่ จำกัดเวลาทำการ เริ่ม 26 เม.ย.นาน 14 วัน
รวมทั้งกรณีที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีแผนปรับเพิ่มภาษีกำไรที่ได้จากการลงทุน (capital gains tax) สูงถึง 43.4% สำหรับชาวอเมริกันที่ร่ำรวย และปรับเพิ่มภาษีสูงถึง 39.6% สำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันเรียกเก็บที่ระดับ 20% ส่งผลให้เกิดแรงขายออกมาหลังจากประกาศข่าวดังกล่าว และทางด้านโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจชะลอตัวลง และอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หากสถานการณ์ขาดแคลนชิปซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญในอุตสาหกรรมรถยนต์ โทรศัพท์มือถือ ทีวี และเครื่องเล่นเกมคอนโซลเลวร้ายลง ส่งผลให้คาดการณ์กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีแกว่งตัวในระดับ 1,544-1,587 จุด
จากปัจจัยลบข้างต้นทำให้กดดันปัจจัยบวก เช่น การรายงานตัวเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยูโรโซนที่ดีกว่าคาด ทั้งยอดขายบ้านใหม่ในเดือน มี.ค.ของสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 20.7% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐฯ ในเดือน เม.ย. พุ่งขึ้นเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐฯ ขยายตัว อีกทั้งดัชนี PMI รวมภาคการผลิต-บริการเบื้องต้นของยูโรโซน ในเดือน เม.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน ได้รับแรงหนุนจากภาคการผลิตที่พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และการอัดฉีดงบประมาณของรัฐบาลประมาณกว่า 3.8 แสนล้านบาท สำหรับการเยียวยาประชาชนและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการระบาดระลอกใหม่
ทั้งนี้ คงต้องจับตาสถานการณ์ต่างๆ ในประเทศ เช่น การประชุม ครม. การเชิญภาคเอกชน ทั้งคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประชุมหารือเกี่ยวกับแนวทางการจัดหาและกระจายวัคซีนร่วมกับภาครัฐ เพื่อกระจายสู่บุคลากรในภาคอุตสาหกรรม และทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค และดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค จับตาการทบทวนประมาณการแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี 2564 เปลี่ยนแปลงจากเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 2.8% หรือไม่ อีกทั้งทาง สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม และ ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
และปัจจัยต่างประเทศ เช่น จีนเปิดเผยกำไรภาคอุตสาหกรรม ธนาคารกลางญี่ปุ่นประชุมนโยบายการเงิน สหรัฐฯ เปิดเผยราคาบ้านเดือน ก.พ. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน เม.ย. 27-28 เม.ย. ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ประชุมนโยบายการเงิน แถลงมติอัตราดอกเบี้ย (เช้าวันที่ 29 เม.ย.) รวมทั้งการเปิดเผยสต๊อกน้ำมันของสหรัฐฯ ส่วนทางอียูเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน เม.ย. และสหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ GDP 1Q64 (ประมาณการเบื้องต้น) และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือน มี.ค.
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนหุ้นได้ประโยชน์จาก WFH ได้แก่ COM7, SYNEX, SIS, HMPRO, ILM, ITEL, INSET และ NETBAY
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่า ทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,760-1,810 $/Oz โดยให้หาจังหวะซื้อเมื่ออ่อนตัว เนื่องจากในทางเทคนิคเกิดรูปแบบกลับตัว W Shape ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานได้รับแรงหนุนจากเงินดอลลาร์ที่เริ่มอ่อนค่าลงและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลง