xs
xsm
sm
md
lg

"เซนต์เมด" เตรียมขาย IPO จำนวน 54 ล้านหุ้น คาดเข้าเทรดกลางปี 64

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"เซนต์เมด" คาดขาย IPO จำนวน 54 ล้านหุ้น เทรดกลางปี 64 ในตลาด mai โดยมีบริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ระดมทุนสร้างศูนย์ตรวจนอนหลับ ซื้อเครื่องมือแพทย์ให้เช่า และคืนหนี้

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินให้แก่ บมจ.เซนต์เมด (SMD) กล่าวว่า SMD คาดว่าจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชนเป็นครั้งแรก (IPO) และเข้าซื้อขายในตลาดหลักรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในช่วงกลางปี 64

SND มีแผนจะเสนอขาย IPO จำนวนไม่เกิน 54 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 25.23% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท วัตถุประสงค์ของการระดมทุนเพื่อใช้ดำเนินโครงการศูนย์ตรวจการนอนหลับ ลงทุนในเครื่องมือแพทย์ให้เช่า ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนดำเนินกิจการ และชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน

จุดเด่นของ SMD มาจากศักยภาพเติบโตสูงจากข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันจากประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในธุรกิจมายาวนาน ได้รับความไว้วางใจจากผู้ผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ชั้นนำระดับโลก รวมถึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเป็นโอกาสรุกขยายธุรกิจอย่างเต็มที่ ซึ่งสอดรับแผนลงทุนกลุ่มโรงพยาบาลรัฐและเอกชนเพื่อเพิ่มความสามารถการให้บริการทางการแพทย์รองรับผู้ป่วยและผู้สูงอายุในประเทศเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ภาพรวมอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ในช่วงปี 64-65 คาดว่าจะขยายตัวเฉลี่ย 6.5% ต่อปี ประกอบกับการใช้จ่ายภาครัฐด้านสาธารณสุขเพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริการทางการแพทย์รองรับนโยบายผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) รวมทั้งการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์หรือเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) อีกด้วย ทำให้โอกาสการเติบโตของ SMD ยังเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ปัจจัยบวกจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้มีความต้องการซื้อหรือเช่าเครื่องมือแพทย์เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มของโรงพยาบาลภาครัฐ อีกทั้งตลาดเครื่องมือแพทย์ในประเทศไทยยังถือเป็นตลาด Blue Ocean ที่มีการแข่งขันน้อย โดยมีบริษัทที่ถือครองส่วนแบ่งตลาด (Market share) เพียง 4 ราย ทำให้รายได้ของ SMD ยังสามารถเติบโตได้ ไม่มีแรงกดดันในการแข่งขันด้านราคาเข้ามา อีกทั้งยังมีโอกาสขยายธุรกิจเพิ่มเติมในอนาคต

นายวิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SMD กล่าวว่า บริษัทมีความมั่นใจในการเติบโตในอนาคตของธุรกิจ จากวิสัยทัศน์ในการมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์เฉพาะทาง โดยเฉพาะด้านระบบการหายใจ และช่วยชีวิต เพื่อก้าวสู่ความเป็นเลิศด้านตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยนำประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในธุรกิจมานานกว่า 20 ปี และนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยได้มาตรฐานสากลมาช่วยดูแลคนไทยให้ปลอดภัยและมีสุขภาพดี รองรับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและสังคมแห่งการดูแลสุขภาพ

ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้รับความไว้วางใจจากผู้ผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ชั้นนำระดับโลกกว่า 30 รายที่ช่วยให้ SMD มีขีดความสามารถการแข่งขันที่ดีเหนือคู่แข่งและสนับสนุนแผนงานการขยายผลิตภัณฑ์ใหม่รองรับฐานลูกค้าในอนาคต รวมถึงการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ จากทีมบริการหลังการขายที่มีความชำนาญและความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ต่อยอดสู่การดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การให้บริการให้เช่าเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อสร้างรายได้ประจำ และการร่วมมือกับโรงพยาบาลชั้นนำหลายแห่ง ดำเนินโครงการศูนย์ตรวจการนอนหลับ เนื่องจากปัจจุบันคนไทยได้ตระหนักถึงอันตรายจากการนอนกรนและหยุดหายใจในขณะนอนหลับมากขึ้น

ปัจจุบัน รายได้หลักของ SMD ถึง 75% ของรายได้รวม มาจากการขายและให้เช่าอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือชีวิตและเครื่องมือในห้อง ICU ได้แก่ เครื่องมือที่ใช้ในห้อง ICU และห้องฉุกเฉิน ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ที่ 40% และเครื่องมือช่วยหายใจ 35%

แม้ว่ากลุ่มลูกค้าในปัจจุบันจะมีสัดส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปหลังจากที่โควิด-19 เข้ามากระทบ ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าที่เป็นโรงพยาบาลและหน่วยงานภาครัฐมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาเป็น 70% จากก่อนหน้าที่ 40% และสัดส่วนลูกค้าโรงพยาบาลเอกชน นิติบุคคล และบุคคลทั่วไปลดลงเหลือ 30% จากเดิมอยู่ที่กว่า 40% เนื่องจากโรงพยาบาลเอกชนชะลอการลงทุนในระยะนี้ ขณะที่โรงพยาบาลรัฐและหน่วยงานภาครัฐมีงบประมาณที่ต้องใช้ประจำปีอยู่แล้ว จึงเข้ามาชดเชยรายได้ของกลุ่มลูกค้าโรงพยาบาลเอกชนที่หายไปได้

อย่างไรก็ตาม รายได้ของบริษัทส่วนใหญ่ยังคงมาจากรายได้จากการขายในสัดส่วนที่มากถึง 97% ของรายได้รวม และรายได้จากการบริการอยู่ที่ 3% ของรายได้รวม โดยที่บริษัทยังมองไปถึงการเพิ่มสัดส่วนรายได้ของการบริการให้มากขึ้นในอนาคต ซึ่งจะเป็นรายได้ประจำที่จะเข้ามารองรับการเติบโตที่แน่นอนให้แก่บริษัท และทำให้บริษัทมีการกระจายความเสี่ยงของรายได้มากขึ้น

นายกำพล ชัยสุภัคสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าฝ่ายบัญชีและการเงิน SMD กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 61-63) บริษัทมีรายได้รวมเติบโตราว 14% ต่อปี และในปี 63 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 660 ล้านบาท

ขณะที่บริษัทตั้งเป้ารายได้ในช่วง 3 ปี (ปี 64-66) เติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี ซึ่งยังคงเดินหน้าลงทุนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของการขยายเตียงสำหรับตรวจการนอนหลับ ซึ่งวางแผนขยาย 8 เตียง/ปีในช่วงปี 64-66 ซึ่งจะสร้างรายได้ให้แก่บริษัทได้มากขึ้น และเพิ่มเครื่องมือแพทย์เข้ามาให้บริการ เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น

ในเบื้องต้นปี 64 บริษัทจะใช้เงินลงทุนราว 100-150 ล้านบาท สำหรับเพิ่มเตียงตรวจการนอนหลับอีก 4 เตียง ใช้เงินลงทุนราว 25 ล้านบาท/เตียง และจะใช้เงินบางส่วนซื้อเครื่องมือแพทย์อื่นๆ เข้ามารองรับการบริการเพิ่มเติม โดยที่บริษัทยังคงเจรจากับลูกค้าทั้งโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชนในการขายและให้เช่าเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมั่นใจว่าหลังจากเข้าระดมในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) แล้วจะผลักดันให้บริษัทมีความสามารถและศักยภาพในการขยายธุรกิจสร้างการเติบโตในระยะยาวได้เพิ่มขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น