นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธาน บริษัทบิซิเนส เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG)กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทเป็นปีที่บริษัทจะเดินหน้าเข้าสู่เฟส 2 ของการ Transformers เพื่อสร้างนวัตกรรมต่างๆ และสนับสนุนให้ธนาคารกสิกรไทยก้าวไปสู่ Digital Banking และเป็น Financial Service ในอนาคต และวางฐานทางด้านเทคโนโลยีในการขยายสู่ประเทศต่างๆภูมิภาคของธนาคารกสิกรไทยต่อเนื่องจากปีก่อนที่ได้ตั้งบริษัทเทคโนโลยีในประเทศจีนภายใต้ชื่อ K Tech ในประเทศจีน และจะต้องจัดทีมที่เวียดนามภายในไตรมาสสามปีนี้ พร้อมขับเคลื่อนเพื่อการแสวงหาเทคโนโลยีและการพัฒนาบริการดิจิทัลแบงกิ้ง หลังจากธนาคารกสิกรไทยได้รับใบอนุญาตให้เปิดสาขาในประเทศเวียดนามในปีนี้
นอกจากนี้ เทรนด์เทคโนโลยีที่ KBTG ได้เริ่มเข้าไปสำรวจและเตรียมความพร้อมแล้วคือ ระบบการเงินที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาจัดการแทนตัวกลางอย่างสถาบันการเงิน (Decentralized Finance หรือ DeFi) โดย KBTG ได้จัดตั้ง Kubix บริษัทในกลุ่ม KBTG เข้าไปนำร่องการทำ DeFi ด้วยการร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สร้าง ICO Portal ทางเลือกใหม่ในการระดมทุนหรือลงทุนผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล(Digital Asset) ซึ่งการระดมทุนจะดำเนินการโดยการแปลงสินทรัพย์ที่มีอยู่เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบโทเคนดิจิทัล แล้วระดมทุนผ่านการทำ Initial Coin Offering หรือ ICO โดยมี ICO Portal เป็นที่ปรึกษาและผู้จัดการเสนอขายโทเคนดิจิทัลให้แก่นักลงทุนในตลาดแรก นับเป็นการ decentralize finance แบบที่มีสินทรัพย์รองรับ ซึ่งมีความหมายต่อภาคเศรษฐกิจจริง เป็นทางเลือกให้แก่ธุรกิจในการระดมทุน และเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุน สร้างการเข้าถึงทางการเงิน (Financial Inclusion) ทั้งนี้ KBTG เชื่อว่าการเงินที่มีศูนย์กลางโดยสถาบันการเงิน หรือ CenFi และการเงินที่กระจายศูนย์กลาง หรือ DeFi จะสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยผู้ให้บริการที่มีความพร้อมที่สุด
"การเข้าสู่ DeFi ในปีนี้ เรียกว่าเป็นการทดลองเข้าในEcosystem นี้ดู เพื่อหาว่าแบบไหนที่ดี ที่เหมาะกับลูกค้าของเราที่สุด ซึ่งก็พบว่าเป็นการลงทุนใน Digital Asset โดยมีสินทรัพย์หนุนหลัง หรือ DeFi ที่มีสินทรัพย์หนุนหลัง และเราก็ร่วมมือกับผู้ที่กำกับดูแลเพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ถูกต้องและปลอดภัย โดยในส่วนนี้จะผ่านบริษัทที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อปลายปีก่อน คือ KX และ Kubix คาดว่าจะมีผลงานออกมาภายในปีนี้ ซึ่งตรงนี้โจทย์ของเราก็คือจะทำอย่างไรให้ผู้ลงทุนรายย่อยได้เข้าถึงการลงทุนได้เพิ่มขึ้น"
พร้อมทั้ง ร่วมกับพันธมิตรในการสนับสนุนการสร้างหรือคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆมากขึ้น ล่าสุดร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำ ในโครงการ Tech Campus ช่วยพัฒนาหลักสูตรเกี่ยวกับ Data Science, AI ผลิตบุคลากรให้ตอบโจทย์เชิงธุรกิจด้านเทคโนโลยี พร้อมทั้งส่งนิสิตนักศึกษาเข้าฝึกงานจริงใน KBTG โดยมีมหาวิทยาลัย 7 แห่งที่เข้าร่วมโครงการคือ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล และวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยในโครงการนี้ได้ร่วมมือกับองค์กรรัฐ 2 แห่งด้วยคือศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ และสมาคมปัญญาประดิษฐ์ ในโครงการ Tech Campus นอกจากร่วมพัฒนหลักสูตรแล้ว ยังเป็นความร่วมมือทางการวิจัยทางด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ นำไปต่อยอดให้วงการธุรกิจไทย
นายเรืองโรจน์ กล่าวตอนท้ายว่า KBTG ตั้งเป้าหมายการเป็น บริษัทเทคโนโลยีแห่งภูมิภาคเต็มรูปแบบ ภายในปี 2566 พร้อมรองรับธนาคารกสิกรไทยที่จะขยายสู่ภูมิภาคด้วยแนวทาง asset light และไปแบบ digital first ด้วยความพร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ศักยภาพบุคลากร การรีสกิล ทักษะด้านภาษา และวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายปี 2564 จะมีพนักงาน KBTG ทั่วภูมิภาค เพิ่มจาก 1,500 คน เป็น 1,900 คน