โบรกเกอร์เชื่อหุ้นกลุ่มสินเชื่อ หรือไฟแนนซ์กระทบไม่มาก แม้ ครม.เห็นชอบลดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดเหลือ 5% จากเดิม 7.5% เหตุรายได้ส่วนใหญ่ไม่ถึง 5% ของรายได้รวม หุ้นใหญ่อย่าง MTC-SAWAD-SINGER ไม่สะเทือน ขณะที่มองราคาหุ้นในกลุ่มหลายตัวขึ้นมาจนใกล้เคียงมูลค่าพื้นฐานปี 64
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคาร (9 มี.ค.) ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบร่างแก้กฎหมายแพ่งฯ ลดดอกเบี้ยตามกฎหมายเพื่อช่วยลดภาระของลูกหนี้จากการชำระดอกเบี้ยในอัตราที่สูงเกินควร และปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย โดยปรับลดจากอัตรา 7.5% ต่อปี เป็นอัตรา 3% ต่อปี ซึ่งกระทรวงการคลังจะทบทวนทุก 3 ปี และอัตราดอกเบี้ยผิดนัดปรับลดจาก 7.5% ต่อปี เป็นอัตรา 5% ต่อปี
โดยอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลงนี้เป็นอัตราที่กำหนดตามมาตรา 7 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 3% ต่อปี บวกด้วยอัตราเพิ่ม 2% ต่อปี รวมถึงกำหนดฐานการคำนวณดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ เมื่อลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ในงวดใดงวดหนึ่ง เจ้าหนี้คำนวณดอกเบี้ยผิดนัดได้เฉพาะจากเงินต้นของงวดที่ลูกหนี้ผิดนัดแล้วเท่านั้น จากเดิมที่ไม่ได้กำหนดไว้ ส่งผลให้เจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยจากเงินต้นทั้งหมด
KTBST มองเป็นลบน้อย กลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถไม่กระทบ
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า มีมุมมองเป็นลบเล็กน้อยต่อกลุ่ม สินเชื่อ (Finance) จากรายได้ดอกเบี้ยผิดนัดชำระที่อาจจะลดลง โดยเราประเมินว่า สัญญาเช่าซื้ออาจจะได้รับผลกระทบ เพราะมาตรการนี้จะประกาศบนประมวลแพ่ง และพาณิชย์ ซึ่งคาดว่าจะครอบคลุมมากกว่าประกาศสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ทำให้สัญญาเช่าซื้อมีโอกาสที่จะต้องปรับอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระลงเป็น 5% จากปัจจุบันที่คิดไม่เกิน 15% โดยมีผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง คือ THANI, MICRO, AMANAH, TK, S11
ในขณะที่กลุ่มผู้ประกอบการสินเชื่อจำนำทะเบียน (MTC, SAWAD, SINGER) คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากอยู่ภายใต้การควบคุมของ ธปท. ที่มีความเข้มงวดมากกว่า และ MTC จะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากไม่มีการเรียกเก็บดอกเบี้ยผิดนัดชำระ
นอกจากนี้ ยังประเมินว่ากลุ่ม Finance จะไม่ได้รับผลกระทบจากการไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ย และการคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระบนเงินต้น เนื่องจากปัจจุบันสัญญาได้มีการระบุอัตราดอกเบี้ยแบบ EIR และคิดดอกเบี้ยผิดนัดจากเงินต้นเท่านั้นอยู่แล้ว
แนะนำ Neutral เชียร์ SAWAD-MTC
ทั้งนี้ ยังคงคำแนะนำ Neutral และ Top pick เป็น SAWAD (ซื้อ/เป้าหมาย 85.00 บาท) และ MTC (ซื้อ/เป้าหมาย 81.00 บาท) ขณะที่เรามีมุมมองเป็นกลางต่อกลุ่มธนาคาร โดยกลุ่มธนาคารอยู่ภายใต้เกณฑ์ ธปท. ที่เข้มงวดกว่าอยู่แล้ว ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากประเด็นนี้ โดยกลุ่มธนาคารเรายังคงให้น้ำหนักเป็นเท่ากับตลาด เลือก KBANK (ซื้อ/เป้าหมาย 160.00 บาท) เป็น Top pick
ASPS มองกระทบจำกัด รายได้ค่าปรับช้าไม่ถึง 5% ของรายได้รวม
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด ประเมินว่า ปัจจัยข้างต้นจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มเช่าซื้อจำกัด เพราะรายได้จากการปรับล่าช้าคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 5% ของรายได้รวม ซึ่งไม่ใช่รายได้หลักของกลุ่มฯ อีกทั้งในปี 63 ผู้ให้บริการในกลุ่มเช่าซื้อก็แทบไม่ได้มีการคิดค่าปรับจากลูกค้ามากนัก เพราะลูกค้าได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจไม่ได้จากการระบาดของโควิด-19 ผู้ให้บริการในกลุ่มฯ จึงต้องการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเอาไว้ นอกจากนี้ ในปัจจุบันผู้ให้บริการในกลุ่มเช่าซื้อก็หันมาเน้นขายประกันให้ลูกค้ามากขึ้นแทน
โดยราคาหุ้นในกลุ่มเช่าซื้อหลายตัวปรับเพิ่มขึ้นมากจนใกล้เคียงมูลค่าพื้นฐานปี 64 แล้ว ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยยังชอบ ASK (ราคเป้าหมาย 24 บาท) จากแนวโน้มกำไรสุทธิปี 64 เติบโต 20.8% yoy และให้ปันผลสูงกว่า 6% JMT (ราคาเป้าหมาย 53 บาท) จากแนวโน้มกำไรสุทธิปี 64 จะเติบโตถึง 35.7% yoy จากธุรกิจบริหารหนี้เติบโตต่อเนื่อง และ BAM (ราคาเป้าหมาย 26 บาท) จากแนวโน้มกำไรสุทธิปี 64 จะฟื้นตัวถึง 74.9% yoy จากแนวโน้มการขาย NPLs และ NPAs ได้เพิ่มขึ้น