บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัวผันผวน เหตุกังวลเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติไหลออก และเกิดแรงขายทำกำไรหลังประกาศผลประกอบการครบ พร้อมแนะจับตาการประชุม กนง.ในเดือนมีนาคมนี้ จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี 1,485-1,530 จุดพร้อมแนะลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าระวางเรือขาขึ้น ได้แก่ TTA-PSL-RCL รวมทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ได้แก่ AWC-MINT-CENTEL-CPN-CRC-SPA-AOT
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังคงแกว่งตัวผันผวนจากปัจจัยกดดันเม็ดเงินของนักลงทุนต่างชาติที่ไหลออกต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีกว่า 2.9 หมื่นล้านบาท และการประกาศงบการเงินที่สิ้นสุดลงทำให้นักลงทุนตอบรับกับข่าวและขายทำกำไรออกมา แม้ว่าราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้นเกือบ 18% ในเดือนกุมภาพันธ์ และวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ล็อตแรกถึงไทยและทยอยฉีดให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ในเขตพื้นที่เสี่ยงแล้วเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและค้าปลีก จึงประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ระดับ 1,485-1,530 จุด
ส่วนปัจจัยบวกในประเทศนั้น เช่น กระทรวงสาธารณสุขอยู่ระหว่างติดตามประกาศมาตรฐานกลางขององค์การอนามัยโลก (WHO) เกี่ยวกับการออกมาตรการวัคซีนพาสปอร์ต (Vaccine Passport) เพื่อออกมาตรการให้สอดรับกันเพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังจากที่ทั่วโลกเริ่มได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 แล้ว และล่าสุดทางสหรัฐฯ รับรองวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินเพิ่มเข้ามาอีกด้วย
ขณะที่ปัจจัยจากต่างประเทศ เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ได้ประเมินตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ ว่ามีแนวโน้มขยายตัวแข็งแกร่ง 6% ในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากการกระจายการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ในวงกว้าง และสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านความเห็นชอบแผนบรรเทาทุกข์ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาประเด็นที่น่าสนใจต่อ เช่น การประชุม ครม.ในวันนี้ (2 มี.ค.) การประชุมของคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) ในวันที่ 3 มี.ค. และกระทรวงพาณิชย์แถลงสถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการในวันที่ 5 มี.ค. ส่วนปลายเดือนมีนาคมจะมีการประชุม กนง.ครั้งที่ 2 รวมทั้งการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่จะทยอยประกาศออกมา อีกทั้งการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ กดดันการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และทาง ส.อ.ท. หวั่นส่งออกปี 2564 อาจโตไม่เป็นไปตามเป้าหมาย 3-4% ได้หากปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ลากยาวถึงสิ้นปี ที่สำคัญแนวโน้มเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกส่งสัญญาณชะลอตัวในเดือน ม.ค.เพราะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่กระทบการใช้จ่ายและการท่องเที่ยว และการเมืองในประเทศมีความไม่แน่นอนอีกครั้งจากปมการแก้ไข รธน. และกระแสข่าวปรับ ครม.
ดังนั้น จึงแนะนำลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดัชนีค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ได้แก่ TTA-PSL และ RCL รวมทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการทยอยฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ในกลุ่มค้าปลีกและการท่องเที่ยว-โรงแรม ได้แก่ AWC-MINT-CENTEL-CPN-CRC-SPA และ AOT ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์นี้ที่ 1,700-1,765$ หากหลุดแนวรับ 1,700 มีโอกาสปรับตัวลงแรงสู่ 1,670$ โดยประเด็นกดดันมาจากแรงขายของกองทุน SPDR ที่มีสถานะขายตั้งแต่ต้นปี 73 ตัน (ปี 63 สถานะซื้อ 275 ตัน) และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปีสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปียังเป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติม