ลลิลฯ เผยแผนปี 64 เดินหน้าขยายฐานลูกค้ารุกตลาด 5-8 ล้านบาท พร้อมเปิดตัว 10-12 โครงการใหม่ มูลค่า 6,000-7,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายทั้งปี 7,000 ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้ 6,000 ล้านบาท
นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN กล่าวว่า ในปี 64 นี้ แม้ภาวะแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย แต่ลลิลฯ ยังเชื่อมั่น และวางเป้าหมายเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจมุ่งสู่การเป็น National Housing Company และเป็นผู้นำของตลาดแนวราบในช่วงราคา 2-8 ล้าน ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ทุกทำเลศักยภาพ โดยตั้งเป้าเป็นแบรนด์ 3 ลำดับแรกที่ผู้บริโภคจะต้องนึกถึงเมื่อมองหาที่อยู่อาศัยแนวราบในช่วงราคา 2-8 ล้านบาท”
สำหรับในปี 63 ที่ผ่านมา แม้จะได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 แต่ลลิลฯ ยังสามารถสร้างยอดรับรู้ทั้งปีที่ 5,765 ล้านบาท เติบโตขึ้น 24.2% ในขณะที่มีกำไรสุทธิที่ 1,333.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.5% ส่วนปี 64 นี้ ลลิลฯ มีแผนจะเปิดโครงการใหม่ 10-12 โครงการ มูลค่า 6,000-7,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายที่ 7,000 ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้ที่ 6,000 ล้านบาท โดยวางงบซื้อที่ดินไว้ที่ 1,000-1,200 ล้านบาท
ด้านนายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ ลลิลฯ กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 64 นี้ จะยังคงให้ความสำคัญกับตลาดที่อยู่อาศัยในกลุ่มแนวราบที่เป็น Real Demand โดยมีแผนขยายโครงการใหม่ทั้งในทำเลใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ ตลอดจนเป็นการเปิดโครงการใหม่เพื่อทดแทนโครงการเดิมที่กำลังจะปิดการขายในปีนี้ 7-9โครงการ โดยในปีนี้ ลลิลฯ จะขยายฐานตลาดในกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัยระดับราคา 5-8 ล้านบาท เตรียมจะเปิดโครงการบ้านหรู รูปแบบใหม่ ภายใต้แบรนด์บ้านลลิล The Prestige ซึ่งเป็นออกแบบในสไตล์ French Colonial ระดับราคาจะอยู่ในช่วง 5-8 ล้านบาท เป็นการขยายตลาดให้กว้างขึ้น จากที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากภายใต้แบรนด์ Lanceo ที่เน้นกลุ่มลูกค้าในช่วง 3-6 ล้านบาท
โดยในปีนี้จะเป็นการต่อยอดการใช้กลยุทธ์ Lifestyle Marketing มุ่งเน้นการใช้สื่อ Digital Marketing เพิ่มมากขึ้น จากที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในปีที่ผ่านมา โดยบริษัทมีการยกระดับการจัดการข้อมูลสารสนเทศสู่ Digital Company อย่างเต็มรูปแบบ มีการนำ Big Data มาใช้ในการวิเคราะห์หา Customer Insights เพื่อเข้าถึง และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ ในปีนี้ทางบริษัทจะมีการต่อยอดมาตรฐาน Lalin’s Quality of Living มีการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ (Innovation “Lalin, IL”) ภายในบ้าน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของการอยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นระบบ IL - Smart & Security, IL - Ecosystem, และ IL - Lively & Healthy เป็นต้น ทั้งนี้ได้ตั้งงบด้านการตลาดในปีนี้ไว้ที่ประมาณ 3-4%
ในส่วนของฐานะการเงิน บริษัทฯ มีความแข็งแกร่งอย่างมาก มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ลดลงจาก 0.75 เท่า ณ สิ้นปี 62 มาอยู่ที่ระดับเพียง 0.67 เท่า ณ สิ้นปี 63 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ราว 1.4-1.5 เท่าอย่างมาก และมีเงินสดสำรองเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจอีกราว 1,000 ล้านบาท ตลอดจนมีวงเงินสนับสนุนทางการเงิน (Committed Line) ที่ยังไม่ได้เบิกใช้จากธนาคารพาณิชย์พันธมิตรต่างๆ อีกมากกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนความแข็งแกร่งทางด้านการเงินของบริษัท และความสามารถในการขยายธุรกิจได้อีกมาก โดยไม่มีปัญหาด้านสภาพคล่อง
โดยในปี 64 นี้ บริษัทวางงบซื้อที่ดินไว้ที่ประมาณ1,000-1,200 ล้านบาท อาศัยแหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดที่มาจากผลการดำเนินงาน และกำไรสะสมของบริษัท ตลอดจนมีการออกหุ้นกู้ และแหล่งเงินกู้ระยะสั้นจากสถาบันการเงิน โดยมีการพิจารณาออกหุ้นกู้ในจำนวนและช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้สอดรับกับการขยายธุรกิจ และการเติบโตในระยะยาวของบริษัท