การใช้จ่ายวงเงินสิทธิเราชนะในช่วงวันหยุดมาฆบูชา มีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิรวมกันมากกว่า 21,600 ล้านบาท ซึ่งโดยรวมมีผู้ใช้สิทธิโครงการฯ ทั้งสิ้น จำนวน 29.9 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 66,897.3 ล้านบาท
น ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการใช้จ่ายวงเงินสิทธิโครงการเราชนะ (โครงการฯ) ในช่วงวันหยุดมาฆบูชา ระหว่างวันที่ 26-28 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง (ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบ) และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com (ประชาชนทั่วไป) ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิร่วมโครงการฯ แล้ว มีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิรวมกันมากกว่า 21,600 ล้านบาท ในช่วงวันหยุดติดต่อกันที่ผ่านมา
สำหรับกลุ่มประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 5 มีนาคม 2564 โดยสามารถลงทะเบียนได้ที่จุดรับลงทะเบียนกว่า 3,500 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ สาขาหรือจุดบริการของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงานคลังจังหวัด สำนักงานสรรพสามิตภาคและสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ รวมถึงหน่วยรับลงทะเบียนเคลื่อนที่ของกระทรวงมหาดไทย โดยประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ลงทะเบียนไปแล้วระหว่างวันที่ 15-21 กุมภาพันธ์ 2564 จะทราบผลการคัดกรองคุณสมบัติในวันที่ 4 มีนาคม 2564 และจะได้รับวงเงินสิทธิครั้งแรกในวันที่ 5 มีนาคม 2564 จำนวน 4,000 บาท
โฆษกกระทรวงการคลังเน้นย้ำว่า ที่ผ่านมามีประชาชนหรือร้านค้าและผู้ให้บริการที่ใช้จ่ายวงเงินสิทธิผิดวัตถุประสงค์ของโครงการฯ เช่น การแลกเปลี่ยนวงเงินสิทธิเป็นเงินสด การขึ้นราคาสินค้าอย่างไม่เป็นธรรม เป็นต้น กระทรวงการคลังจึงขอความร่วมมือร้านค้า ผู้ให้บริการ และประชาชนในการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการฯ โดยกระทรวงการคลังได้ประสานขอความร่วมมือกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการติดตาม ตรวจสอบ และดำเนินการทางกฎหมายในประเด็นดังกล่าวแล้ว หากพบว่ามีการกระทำผิดเงื่อนไขจริง จะระงับการใช้เครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่อง EDC) หรือแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ของร้านค้าและผู้ให้บริการ ตลอดจนระงับการจ่ายเงินให้แก่ร้านค้าและผู้ให้บริการทันที และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป สำหรับประชาชนที่พบเห็นพฤติกรรมที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการสามารถแจ้งเบาะแสรวมถึงส่งหลักฐานการกระทำผิดเงื่อนไขโครงการเราชนะทางไปรษณีย์มาได้ที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ถนนพระรามที่ 6 แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 หรือทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Mail Account) wewin@fpo.go.th
สำหรับความคืบหน้าของโครงการฯ ณ วันที่ 1 มีนาคม 2564 มีดังนี้ ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 จนถึงปัจจุบันแล้ว จำนวน 1.8 ล้านคน สำหรับประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 32,400.4 ล้านบาท สำหรับประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบ และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิร่วมโครงการฯ แล้ว มีจำนวนมากกว่า 16.2 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิสะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 34,496.9 ล้านบาท รวมมีผู้ใช้สิทธิโครงการฯ ทั้งสิ้นจำนวน 29.9 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 66,897.3 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” (ร้านธงฟ้าฯ) ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการฯ ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนมากกว่า 1.1 ล้านกิจการ โดยส่วนใหญ่เป็นวงเงินสิทธิผ่านร้านธงฟ้าฯ ร้านค้าทั่วไปและอื่นๆ และร้านอาหารและเครื่องดื่ม ตามลำดับ
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร.0-2273-9020 ต่อ 3250, 3423, 3424, 3425, 3427, 3429, 3430, 3431 และ 3444 (เฉพาะวันและเวลาราชการ)
Call Center ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
โทร.0-2111-1122