โฆษกคลังเผยเตรียมให้ความช่วยเหลือประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ณ สาขาและจุดบริการเคลื่อนที่ของธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. คลังจังหวัด สำนักงานสรรพสามิต และสำนักงานสรรพากรพื้นที่ ตั้งแต่ 22 ก.พ.-5 มี.ค.64 แนะผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการรายย่อยอย่าฉวยโอกาส หรือทำผิดเงื่อนไข
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการเปิดจุดรับลงทะเบียนโครงการเราชนะ (โครงการฯ) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่กลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ณ สาขาและจุดบริการเคลื่อนที่ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงานคลังจังหวัด สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ รวมถึงหน่วยรับลงทะเบียนเคลื่อนที่ของกระทรวงมหาดไทยทั่วประเทศ
นอกจากนี้ มีกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 จนถึงปัจจุบันแล้ว จำนวน 995,349 คน
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ลงทะเบียนระหว่างวันที่ 15-21 กุมภาพันธ์ 2564 จะทราบผลการคัดกรองคุณสมบัติในวันที่ 4 มีนาคม 2564 และจะได้รับวงเงินสิทธิครั้งแรกในวันที่ 5 มีนาคม 2564 และกลุ่มผู้ที่ลงทะเบียนระหว่างวันที่ 22 กุมภาพันธ์-5 มีนาคม 2564 จะทราบผลการคัดกรองคุณสมบัติในวันที่ 15 มีนาคม 2564 และจะได้รับวงเงินสิทธิครั้งแรกในวันที่ 19 มีนาคม 2564
ในส่วนของประชาชน ผู้ประกอบการร้านค้าหรือผู้ให้บริการรายย่อยที่ใช้จ่ายวงเงินสิทธิผิดวัตถุประสงค์ของโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการรายย่อยที่ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าและบริการเกินควร ขณะนี้กระทรวงการคลังได้มีการประสานขอความร่วมมือกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่กวดขันไม่ให้ผู้ประกอบการร้านค้าหรือผู้ให้บริการรายย่อยขึ้นราคาสินค้าหรือบริการซึ่งเป็นการเอาเปรียบประชาชนผู้บริโภค โดยประชาชนที่พบเห็นพฤติกรรมดังกล่าวสามารถแจ้งร้องเรียนผ่านสายด่วนกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ หมายเลขโทรศัพท์ 1569 หรือแจ้งข้อมูลของผู้ร้องเรียน พร้อมหลักฐานในการร้องเรียน รวมถึงช่องทางติดต่อกลับของท่านทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ 1569@dlt.go.th หากตรวจสอบพบว่ามีการกระทำผิดเงื่อนไขจริง กระทรวงการคลังจะระงับการใช้แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ของร้านค้า ตลอดจนระงับการจ่ายเงินให้แก่ร้านค้าทันที และจะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังจึงขอความร่วมมือประชาชนรักษาสิทธิของตนเอง และขอให้ผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการรายย่อย รวมถึงประชาชนปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการฯ สำหรับประชาชนที่พบเห็นพฤติกรรมที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการฯ สามารถแจ้งเบาะแสรวมถึงส่งหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำผิดเงื่อนไขโครงการฯ ถึง “คณะทำงานพิจารณาตรวจสอบข้อมูลและเรื่องร้องเรียนสำหรับโครงการฯ” ทางไปรษณีย์มาได้ที่ “สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ถนนพระรามที่ 6 แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400” หรือทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Mail Account) “wewin@fpo.go.th”
สำหรับข้อมูลความคืบหน้าของการเข้าร่วมโครงการฯ ณ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 มีดังนี้ ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 23,457.9 ล้านบาท สำหรับประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com เป็นผู้ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิร่วมโครงการฯ จำนวนมากกว่า 15.1 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิสะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 18,064.5 ล้านบาท รวมมีผู้ใช้สิทธิโครงการฯ จำนวน 28.8 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยไปแล้วมากกว่า 41,522.4 ล้านบาท โดยจังหวัดที่มียอดการใช้จ่ายวงเงินสิทธิสูงสุด 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครราชสีมา อุบลราชธานี ขอนแก่น และเชียงใหม่ ตามลำดับ ผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการ/ร้านค้าและบริการรายย่อยที่เข้าร่วมโครงการฯ ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนมากกว่า 1.08 ล้านกิจการ