xs
xsm
sm
md
lg

เซ็นทรัล รีเทลฯ วางเป้าดันธุรกิจโตกว่า 10% ฝ่าความท้าทายปี 64 พร้อมลุยลงทุน 1.8 หมื่นล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) กล่าวว่า ปี 64 ยังเป็นปีที่มีความท้าทาย แต่บริษัทยังคงมุ่งมั่นและมีความมั่นใจว่าจะสามารถผลักดันธุรกิจให้โตมากกว่า 10% ด้วยงบลงทุน 18,000 ล้านบาทที่ได้วางแผนไว้ เพื่อเสริมสร้าง "เซ็นทรัล รีเทล" ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ตอกย้ำความเป็นผู้นำกลุ่มธุรกิจค้าปลีกของคนไทย

ทั้งนี้ CRC ได้ปรับตัวแบบ V-shape ตั้งแต่ในไตรมาส 3/63 และไตรมาส 4/63 เราก็ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 51,077 ล้านบาท เพิ่มขึ้น QoQ +7% และทำกำไร 1,102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น QoQ +27% ทำให้ CRC สามารถปิดปี 63 ด้วยรายได้รวม 194,311 ล้านบาท ลดลง 13% และทำกำไรสุทธิ 341 ล้านบาท ลดลง 97% โดยมียอดขายเติบโต 180% บนช่องทางออมนิแชนเนล เป็นสัดส่วนยอดขายเกือบ 10%

นับตั้งแต่ปี 60 เซ็นทรัล รีเทล ได้ประกาศยุทธศาสตร์หลัก "New Central, New Retail" พร้อมกับจุดมุ่งหมายขององค์กรที่จะเป็น "ศูนย์กลางชีวิตของผู้คน" (Central of Life) สร้างทิศทางในการดำเนินธุรกิจและพัฒนาอีโคซิสเต็มให้เป็น "New Central Retail Lifestyle & Food Platform" ที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อนำไปต่อยอดสู่ความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ อันได้แก่ ปรับปรุงและขยายรูปแบบร้านใหม่ในทุกกลุ่มธุรกิจทั้งกลุ่มแฟชั่น ฟูด และฮาร์ดไลน์ ให้มีความทันสมัยและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ เพื่อสร้างประสบการณ์ออมนิแชเนลใหม่ๆ (Omnichannel Experience) ให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

บริษัทเปิดตัว CENTRAL โมบายแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อทุกกลุ่มธุรกิจเข้าด้วยกัน พร้อมทั้งปรับโครงสร้าง Big Data ครั้งใหญ่ งของฐานลูกค้า Loyalty ที่มีอยู่ในระบบถึง 24 ล้านคน ด้วยการสร้าง Hyper-personalization Offer แพลตฟอร์มใหม่นี้รวบรวมสินค้าในเครือเซ็นทรัล รีเทล มาไว้ในที่เดียว เพื่อมอบประสบการณ์ชอปปิ้งแบบไร้รอยต่อ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มสินค้า โดยขณะนี้มียอดผู้ใช้บริการแล้วกว่า 2 ล้านราย ภายหลังการเปิดตัวมาได้เพียง 2 เดือน

พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรติดอาวุธให้เซ็นทรัล รีเทล มีความแข็งแกร่งทั้งอีโคซิสเต็ม โดยร่วมมือกับเจดี เซ็นทรัล มาร์เก็ตเพลส (JD Central Marketplace) และเจดี ดิจิทัล (JD Digital) สร้างบริการการจ่ายเงินแบบดิจิทัลและโซลูชันด้านธุรกรรมทางการเงิน (DOLFIN) และกับแกร็บ ทำควิกคอมเมิร์ซ (Quick Commerce) ให้บริการออนดีมานด์ โดยเริ่มจากบริการการสั่งอาหารและ Tops Grocery ผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก และได้ขยายไปยังกลุ่มสินค้าอื่นๆ ของกลุ่มเซ็นทรัล เพื่อตอบสนองความต้องการแบบ On-demand ให้ครบทุกกลุ่มสินค้าทั่วประเทศ

และเข้าซื้อกิจการเสริมความแข็งแกร่งของกลุ่มฮาร์ดไลน์ โดยทุ่มงบลงทุนกว่า 12,000 ล้านบาท เพื่อซื้อกิจการออฟฟิศเมต, บีทูเอส และเมพ (ร้านอีบุ๊กอันดับหนึ่ง) รวมไปถึงแพลตฟอร์มออมนิแชเนลสำหรับกลุ่มลูกค้าองค์กร (B2B Omnichannel Platform) ล่าสุด ได้เปิดตัวแฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่ "บีทูเอส ธิงค์สเปซ" คอนเซ็ปต์สโตร์รูปแบบใหม่ที่เซ็นทรัล ชิดลม และได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีเกินคาด ไทวัสดุ ภายใต้กลุ่มฮาร์ดไลน์ จากการเริ่มธุรกิจมาเพียง 11 ปี ขณะนี้ได้ขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องของรายได้ และเบอร์หนึ่งของออมนิแชนเนลด้านค้าปลีกวัสดุตกแต่งบ้าน (Omnichannel Home Improvement Retailer) ซึ่งปีที่ผ่านมาสามารถทำรายได้รวมเกือบ 28,000 ล้านบาท พร้อมวางแผนเร่งเครื่องขยายเครือข่ายธุรกิจทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ เพื่อเพิ่มยอดขายขึ้นอีกเท่าตัวภายใน 3-5 ปี

ธุรกิจกลุ่มฟูดในไทย มีการยกระดับและเปิดสาขาอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์ให้เป็นแหล่งรวมอาหาร หรือ Food Destination ที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า โดยปรับสาขาลาดพร้าวให้เป็นเซ็นทรัล ฟูด ฮอลล์ และปรับสาขาเวสต์เกตและศาลายา อย่างต่อเนื่องในเวียดนาม เน้นธุรกิจฟูดและศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ ภายใต้แบรนด์ Big C/GO! เปิดตัวรูปแบบธุรกิจและช่องทางที่หลากหลายต่างๆ (Multi-format) นำความสำเร็จของท็อปส์ มาร์เก็ต ไปเปิดที่เวียดนาม และขยายซูเปอร์มาร์เกต go! ไปยังจังหวัดรอง เพื่อให้ครอบคลุมทั้งประเทศเวียดนามภายใน 5 ปี ซึ่งในขณะนี้เซ็นทรัล รีเทล ได้ครอบคลุมมากกว่า 30 จังหวัดหลักในเวียดนามแล้ว (คิดเป็นสัดส่วน 85% ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของประเทศเวียดนาม) และจะขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพราะเวียดนามมีศักยภาพของธุรกิจฟูดและศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์มากกว่าประเทศไทยถึง 2 เท่า


กำลังโหลดความคิดเห็น