xs
xsm
sm
md
lg

COM7 เร่งขยายสาขาเกินพันแห่ง ดันรายได้โต 10%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คอมเซเว่น ปี 64 ต่อยอดจุดแข็งในฐานะหนึ่งในผู้นำค้าปลีกสินค้าไอทีที่มีสาขามากที่สุดในประเทศ ตั้งเป้าปีนี้สาขาโตแตะ 1,000 สาขา จากสิ้นปี 63 มี 911 สาขา หนุนเป้ารายได้ทั้งปีโตไม่ต่ำกว่า 10% คาดเห็นความร่วมมือระหว่าง COM7 และ NCAP รวมทั้งอยู่ระหว่างพูดคุยกับพันธมิตร วางงบลงทุนราว 1 พันล้าน ส่วนปี 63 กำไร 1,490 ล้านบาท ปันผล 1 บาท

นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจปี 64 ตั้งเป้ายอดขายเติบโตจากปีก่อนไม่ต่ำกว่า 10% จากความต้องการสินค้าไอทีและสินค้าเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งต้อนรับการมาของ 5G กระตุ้นยอดขาย และสอดรับพฤติกรรมใหม่ผู้บริโภค วางกลยุทธ์ขยายสาขาปีนี้เพิ่มอีกประมาณ 1,000 สาขา และน่าจะมีโอกาสต่อยอดไปยังธุรกิจใหม่ๆ จากการที่ COM7 เข้าไปเป็นถือหุ้นใหญ่ของบริษัท เน็คซ์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (NCAP) หนึ่งในผู้นำธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และดำเนินธุรกิจด้านไฟแนนซ์ ซึ่งน่าจะเห็นความร่วมมือระหว่าง COM7 และ NCAP ชัดเจนขึ้นภายในปีนี้

นอกจากนี้ บริษัทฯ คาดใช้เงินลงทุนจากการขยายสาขาและลงทุนในกิจการเดิมรวมประมาณ 300 ล้านบาท และเตรียมเงินไว้สำหรับลงทุนในธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติมอีก 500-1,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มจุดแข็ง และการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพูดคุยกับพันธมิตร หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทุกท่านทราบต่อไป

อย่างไรก็ดี สำหรับปี 63 ที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้มีการปิดสาขาชั่วคราวตามนโยบายรัฐ แต่บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษายอดขายและกำไรที่ดี ขณะที่ธุรกิจออนไลน์ในทุกช่องทางของคอมเซเว่นตลอดทั้งปี 63 เติบโต 396% มากเป็นพิเศษโดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ปี 2563 ที่มีการล็อกดาวน์

โดยผลการดำเนินงานงวดประจำปี 63 มีกำไรสุทธิ 1,490 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,216 ล้านบาท มีรายได้จากการขายและให้บริการ 37,306 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 33,362 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจค้าปลีก 34,877 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% ช่องทางจำหน่ายอื่นๆ 2,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% สามารถรักษายอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะมีผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ต้องมีการปิดสาขาชั่วคราวตามนโยบายภาครัฐ ทั้งนี้ ยอดขายที่เติบโตโดยหลักมาจากสินค้าที่ได้รับประโยชน์จากการ Work From Home และ Learn from home รวมถึง สินค้าที่รองรับกลุ่มผู้ที่สนใจการเกิดขึ้นสกุลเงินใหม่ (Cryptocurrency) และเส้นทางอาชีพใหม่อย่างยูทูปเบอร์

สำหรับภาพรวมสินค้ากลุ่มโทรศัพท์มือถือในปี 2563 ได้รับการตอบรับที่ดีทุกแบรนด์ เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากมาตรการรัฐ ทำให้ประชาชนมีความต้องการสมาร์ทโฟนในการลงทะเบียนใช้สิทธิในโครงการต่างๆ ของรัฐบาล ขณะที่สินค้ากลุ่ม Apple ได้รับการตอบรับที่ดีต่อเนื่องเช่นกัน โดยเฉพาะ iPhone iPad และ Mac ทั้งรุ่นเก่าและใหม่ รวมถึง iPhone12 ที่เปิดตัวเมื่อปลายปีที่ผ่านมา สามารถทำยอดจองสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง

ณ สิ้นปี 2563 บริษัทฯ มีสาขาภายใต้การบริหารงานของกลุ่มบริษัทจํานวนทั้งหมด 911 สาขา แบ่งเป็น BaNANA 303 สาขา Studio7 106 สาขา KingKong Phone 94 สาขา True Shop by Com7 122 สาขาแฟรนไชส์ 114 สาขา BKK 51 สาขา iCare 28 สาขา และอื่นๆ 93 สาขา โดยมีการขยายเพิ่มจากปีที่แล้วรวม 124 สาขา (ปี 2562 : 787สาขา) โดยเป็นการเร่งขยายสาขาในไตรมาส 4/2563 เพื่อให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่งยอดขายของสาขาใหม่จะเกิดขึ้นในปี 2564

รวมทั้งบริษัทฯ ได้มีแผนในการเปิดสาขาแบบ Stand Alone นอกห้างสรรพสินค้า เพื่อรองรับในสถานการณ์ต่างๆ เมื่อรวมกับสาขาที่เป็นแฟรนไชส์ที่ตั้งอยู่ตามหัวเมืองสําคัญที่ปีนี้จะมีการปรับโมเดลธุรกิจใหม่ให้ครบวงจร และต้องรองรับธุรกิจในอนาคต รวมทั้งส่งเสริมในการเป็นจุดรับสินค้า เมื่อลูกค้าสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ของบริษัทได้

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 1 บาท จากเงินกําไรสุทธิประจําปี 2563 ของบริษัทฯ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,200,000,000 บาท โดยกําหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 30 เมษายน 2564 และกําหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 21 พฤษภาคม 2564


กำลังโหลดความคิดเห็น