ธีระมงคล อุตสาหกรรม ปลื้มโชว์กำไรปี 63 ทะลุกว่า 264% คาดปี 64 ยอดขายโตต่อเนื่อง เตรียมหนุนโรงไฟฟ้าเสริมรายได้
นายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร กรรมการผู้จัดการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TMI เปิดเผยว่า สำหรับผลการดำเนินงานปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวม 447.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.86 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14.25% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าซึ่งมีรายได้รวมอยู่ที่ 392 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 14.07 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 22.66 ล้านบาท หรือคิดเป็น 264.25% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีผลขาดทุนสุทธิ 8.58 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้หลักจากการขายและบริการอยู่ที่ 412.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.78 ล้านบาท หรือคิดเป็น 18.64% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 347.49 ล้านบาท สำหรับรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้นนั้น เนื่องจากมีการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้น ประกอบกับบริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดมากขึ้น จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ 4 รายการ ได้แก่ หลอดไฟฆ่าเชื้อโรค โคมไฟฆ่าเชื้อโรค โคมไฟโซลาร์สปอตไลต์ และโคมไฟโซลาร์ติดถนน ได้ผลตอบรับจากจากตลาดเป็นอย่างดี จึงส่งผลให้รายได้จากการขายรวมปรับเพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา
โดยในปีคาดว่าจะมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนโครงสร้างรายได้ ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับสัดส่วนรายได้จากการขายและบริการลดลง เนื่องจากการเพิ่มการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลทำให้รายได้จากการขายไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้น หลังจากที่ในปี 2563 บริษัทมีรายได้จาการขายไฟฟ้าอยู่ที่ 35.59 ล้านบาท ลดลง 8.91 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20.02% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 44.50 ล้านบาท
“จากปีที่ผ่านมาถือว่าบริษัทฯ เติบโตตามเป้าที่วางไว้ และคาดว่าในปีนี้จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ คาดว่าจะเติบโตประมาณ 20% และมีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ส่องสว่าง จากการเพิ่มกำลังการผลิตและการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองสนองความต้องการของตลาด ประกอบกับประเมินว่าจะมียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้น รวมถึงการส่งสินค้าไปยังต่างประเทศมากยิ่งขึ้น” นายธีระชัย กล่าว
นายธีระชัย กล่าวต่อว่า หลังจากการก่อสร้างและปรับปรุงโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ ขนาดกำลังการผลิต 0.99 เมกะวัตต์ ที่อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร แล้วเสร็จ บริษัทฯ จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้เร็วๆ นี้ จะสนับสนุนให้บริษัทฯ มีกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 2.4 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่บริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าชีวภาพแล้ว 1 โครงการ โดยมีกำลังการผลิต 1.4 เมกะวัตต์ ในพื้นที่จังหวัดชุมพร ส่งผลให้รายได้จากโรงไฟฟ้าจะช่วยส่งเสริมและสร้างการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้นและมีความมั่นคงให้แก่บริษัทในอนาคต