ซีเค พาวเวอร์ จัดงบลงทุนไว้ 2,000-4,000 ล้านบาท สำหรับการลงทุนในโครงการพลังน้ำขนาดใหญ่และโครงการ Renewable เล็งออกหุ้นกู้อีก 4,000-6,000 ล้านบาท เพื่อใช้ขยายงาน ตั้งเป้ารายได้ปี 2564 โตต่อเนื่อง 10-15% ปัจจัยหนุนจากโรงไฟฟ้าทุกโรงเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิต พร้อมขยายการลงทุน Renewable Energy
นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP เปิดเผยว่า ปี 2564 นี้ CKP จัดสรรงบลงทุนไว้ 2,000-4,000 ล้านบาท สำหรับการลงทุนในโครงการพลังน้ำขนาดใหญ่และโครงการ Renewable โดยมีแหล่งที่มาของเงินทุนจากการออกหุ้นกู้ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะออกหุ้นกู้อีก 4,000-6,000 ล้านบาท รวมกับเงินคงเหลือจากการออกหุ้นกู้ในปลายปี 2563 ประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะเพียงพอสำหรับรองรับการขยายธุรกิจและนำมาไถ่ถอนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดไถ่ถอน 4,000 ล้านบาท ในเดือนมิถุนายน 2564
โดยกลุ่ม CKPower คาดว่าปีนี้จะมีรายได้โต 10-15% ซึ่งจะเป็นรายได้จาก NN2 ที่มีการสำรองน้ำในอ่างเก็บน้ำในปลายปี 2563 เพื่อใช้ผลิตไฟฟ้า และคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำในปีนี้จะมากกว่าปีก่อน เช่นเดียวกับปริมาณน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้าไซยะบุรี ก็คาดการณ์ว่าจะมากกว่าปีก่อนเช่นกัน ส่วนโรงไฟฟ้าของ BIC-1 และ BIC-2 ยังคงผลิตไฟฟ้าได้ต่อเนื่องตามปกติ
ขณะที่โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์อีก 7 แห่ง จะจ่ายไฟได้เต็มปีใน 2564 นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายการลงทุนในธุรกิจ Renewable Energy ซึ่งเป็นพลังงานที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ถือเป็นโอกาสที่ได้ขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคตด้วย
สำหรับผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาสที่
4/2563
และตลอดทั้งปี
2563
พลิกสร้างกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้น
แม้รายได้รวมจะลดลง โดยตลอดทั้งปี
กลุ่ม CKP
มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติในส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทรวม
404.7
ล้านบาท โตขึ้น
212.7
ล้านบาท จากปี
2562
ที่มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ
(ไม่รวมการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวของ
บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์
จำกัด(XPCL)
ในปี2562)
เพียง 192
ล้านบาท
หรือเพิ่มขึ้น 110.8%
ขณะที่ไตรมาส
4
มีกำไรสุทธิ
7.8
ล้านบาท
พลิกสร้างกำไรโต112.1
% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี
2562
อย่างไรก็ตาม
รายได้รวมของกลุ่มมีรายได้ลดลง
โดยในปี2563
มีรายได้รวม
7,177.5
ล้านบาท ลดลง
1,662.7
ล้านบาท
เมื่อเทียบกับปี2562
ลดลง 18.8
%เช่นเดียวกับรายได้รวมของไตรมาส
4
มีรายได้รวม
1,453.4
ล้านบาท ลดลง
655.8
ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปี
2562
ลดลง 31.1%
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลให้กลุ่ม CKPower มีผลประกอบการกำไรมาจากการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าและการบริหารทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในไตรมาส 4/2563 มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและต้นทุนขายรวมที่ 1,530.6 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ 11.4 และมีต้นทุนทางการเงิน รวมที่ 255.3 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ 1.8
พร้อมกันนี้ CKP แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้อนุมัติการเข้าทำสัญญาบริหารการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง (LPHPP) กับบริษัท หลวงพระบาง พาวเวอร์ จำกัด (LPCL) เป็นระยะเวลา 1 ปี (ม.ค.-ธ.ค.64) เป็นเงินประมาณ 120 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายเดินทางตามที่เกิดขึ้นจริง
สำหรับ LPCL เป็นผู้พัฒนาโครงการ LPHPP มีกำลังการผลิตติดตั้ง 1,460 เมกะวัตต์ ที่ สปป.ลาว โดยปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ถือหุ้นใน LPCL ในสัดส่วนร้อยละ 42 ซึ่ง LPCL มีความประสงค์ว่าจ้างบริษัทให้เป็นผู้บริหารการพัฒนาโครงการ LPHPP ที่ทำหน้าที่เจรจาและบริหารสัญญาต่างๆ รวมถึงบริหารจัดการงานด้านวิศวกรรมและด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับโครงการ LPHPP ตลอดจนการให้บริการงานด้านบุคลากร งานจัดซื้อจัดจ้างและโลจิสติกส์ งานบริหารสำนักงาน งานด้านบัญชีและการเงิน งานด้านกฎหมายและงานเลขานุการบริษัท งานบริหารการเยี่ยมชมโครงการ และการประสานงานกับหน่วยงานของรัฐบาล สปป.ลาว เพื่อให้โครงการ LPHPP สามารถดำเนินงานได้ตามแผนที่กำหนด