ตลาดหุ้นเอเชียเปิดในแดนลบวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่นักลงทุนในภูมิภาคจับตาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังจากที่หุ้นกลุ่มเดียวกันปรับตัวลดลงในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามข่าวการรายงานผลประกอบการของธนาคาร HSBC ในปีงบการเงิน 2563 รวมถึงกระแสข่าวว่าธนาคารเตรียมถอนธุรกิจลูกค้ารายย่อยออกจากสหรัฐฯ
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,617.70 จุด ลดลง 24.74 จุด หรือ -0.68% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 30,189.97 จุด ลดลง 129.86 จุด หรือ -0.43%
ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ (23 ก.พ.) เนื่องในวันพระราชสมภพของสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ
ตลาดหุ้นในภูมิภาคได้รับแรงกดดันหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.375% เมื่อคืนนี้ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ และส่งผลต่อหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดภูมิภาค
ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่บริษัทต่างๆ จะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
ทางด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ธนาคาร HSBC เตรียมยุติการให้บริการแก่ลูกค้ารายย่อย (Retail Banking) ในสหรัฐฯ เนื่องจากผลการดำเนินธุรกิจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ธนาคารได้มีการปรับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงหลายตำแหน่ง