xs
xsm
sm
md
lg

Michael Burry VS Elon Musk มวยคู่ใหม่ใน Wall Street

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมื่อไม่นานมานี้ "Michael Burry" กูรูด้านสินเชื่อด้อยคุณภาพ หรือซับไพรม์ ซึ่งสามารถคาดการณ์วิกฤตฟองสบู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ ได้อย่างแม่นยำ จนสามารถดักทางตลาดหุ้นและสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาล ล่าสุดเขาได้ประเมินทิศทางของตลาดเกม และได้เข้าซื้อหุ้นของ GameStop เมื่อกลางปี 63 ในสัดส่วน 3% หรือประมาณ 1.7 ล้านหุ้น ซึ่งล่าสุดราคาหุ้นของ GameStop พุ่งขึ้นไปสร้างสถิติใหม่ 347.51 ดอลล่าสหรัฐ/หุ้น เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา ทำให้ Burry สามารถทำกำไรได้มหาศาลอีกครั้ง

อย่างที่ทราบกันดีว่า สงคราม GameStop นั้นเป็นสนามรบเพื่อชำระแค้นระหว่างนักลงทุนรายย่อย หรือแมลงเม่า ที่มีต่อผู้จัดการกองทุน หรือเฮดจ์ฟันด์ ซึ่งเป็นมาเฟียใหญ่ใน Wall Street ที่กำลังแผ่อิทธิพลขยายอาณาจักรไปทั่วโลก

ประเด็นที่น่าสนใจไม่ได้อยู่ที่ Michael Burry โกยกำไร 1.7 ล้านหุ้น จาก GameStop เพราะมันผ่านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ประเด็นจุดโฟกัสใหม่ของเขาคือการเข้าไป Short หุ้น Tesla ของ Elon Musk อยู่นั่นเอง เพราะตอนนี้ราคาหุ้น TESLA พุ่งขึ้นไปแตะ 880.02 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น ทุบสถิติใหม่สดๆ ร้อนๆ เมื่อ 8 มกราคม 64 ที่ผ่านมา และแน่นอนว่า Elon Musk ซึ่งเป็น CEO ใหญ่ของ TESLA เองก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน ด้วยการออกมาทวิต #Bitcoin ในโปรไฟล์หลักทำให้ราคา Bitcoin และราคาหุ้นของเทสล่าขยับตัวขึ้นลงอย่างหวือหวา

อย่างที่ทราบกันดีว่า TESLA เป็นหุ้นที่ร้อนแรงและเป็นที่พูดถึงมากที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา ราคาหุ้น TESLA ได้พุ่งขึ้นเกินกว่า 8 เท่าภายในปีเดียว จากระดับ 100 เหรียญขึ้นมาถึง 900 เหรียญ (ราคาหลังแตกพาร์) นอกจากนั้น TESLA ยังได้สร้างปรากฏการณ์ช็อกโลกอุตสาหกรรมมากมายในปีที่ผ่านมา ทั้งการก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในไตรมาสที่ 3 และทะยานทะลุฟ้าเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมากกว่าบริษัทรถยนต์ทุกค่ายแบรนด์รถยนต์ในโลกรวมกันได้สำเร็จในไตรที่ 4/63 ที่ผ่านมา ไม่เพียงเท่านั้นเหตุการณ์ดังกล่าวยังทำให้สินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น ผลักดันให้ Elon Musk กลายมาเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 1 ของโลกแซงหน้า Jeff Bezos - CEO ของ Amazon ไปได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของ TESLA ในปีที่ผ่านมายังไม่หมดเพียงเท่านั้น ยังรวมไปถึงการที่บริษัท TESLA ได้ถูกอัญเชิญเข้าไปสู่ทำเนียบคำนวณดัชนี S&P500 อีกด้วย ซึ่งแรงกดดันที่เกิดขึ้นทำให้ Elon Musk ต้องออกมาประกาศขยายกำลังการผลิตรถยนต์เพิ่มให้ได้ตามเป้า 5 แสนคัน/ปี ซึ่งไม่มีใครคิดว่าจะทำได้ และการขยายโรงงานเพิ่มขึ้นใน Texas ของสหรัฐและ Berlin ของเยอรมนี ซึ่งก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้ และได้มีการหยอดความหวังให้แก่ประเทศไทยที่จะใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ TESLA ในภูมิภาคเอเซียอีกด้วย นอกจากนี้ เขายังได้ประกาศแผนกลยุทธ์พัฒนาแบตเตอรี่เจเนอเรชันถัดไปของ TESLA ในวัน Battery Day ด้วยเช่นกัน ซึ่งข่าวนี้ก็ทำเอาวิศวกรบริษัทคู่แข่งรถยนต์ไฟฟ้าค่ายต่างๆ ถึงกับปาดเหงื่อเช็ดน้ำตาอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

แต่กระนั้นไม่ว่า TESLA จะเป็นหุ้นที่สร้างนวัตกรรมของเทคโนโลยีและความมหัศจรรย์ให้แก่โลกใบนี้มากแค่ไหนก็ตาม แต่ยังมี "Michael Burry "พ่อมดนักลงทุนที่ทำนายตลาดแม่นเหมือนจับวาง และไม่เชื่อในหุ้น TESLA ด้วยการออกมาประกาศในวันที่ 4 ธันวาคม 2563 ว่าเขากำลัง Short หุ้น TESLA อยู่เพราะมองว่ามันคือฟองสบู่ลูกใหญ่ที่กำลังใกล้จะแตกเต็มทีแล้ว

สิ่งหนึ่งที่ช็อกนักลงทุนคือ Michael Burry ถึงกับออกมาทวีตแนะนำ Elon Musk ว่า "Elon Musk ผมขอให้คำแนะนำคุณฟรีๆ ในฐานะผู้หวังดี ขอให้คุณจงขายหุ้น TESLA ของคุณออกไป 25-50% ที่คุณถืออยู่ออกไป เพราะราคาตอนนี้มันบ้ามากๆ ถ้าคุณหาคนซื้อได้ในราคาตอนนี้จงรีบขายออกไปก่อนที่ฟองสบู่จะแตก และตอนนี้ผมก็กำลัง Short หุ้นคุณอยู่ด้วยนะ" 

และจากการประกาศของ Michael Burry ในครั้งนี้ถือเป็นการท้าชกของมวยคู่ใหญ่ยักษ์ระดับ Heavy Weight ในโลกการลงทุนแห่ง Wall Street ที่ใหญ่ที่สุดในตลาดลงทุนโลกทันที ซึ่งขณะนี้ทั้งโลกก็กำลังจับตาดูอยู่ว่าใครจะเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะในครั้งนี้

ซึ่งหลังจาก Michael Burry ประกาศท้าทาย Elon Musk ออกไปได้ไม่นาน ราคาหุ้น TESLA ก็พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องจากระดับที่ Burry ได้ทำการยืมขายหรือ Short ไว้ที่ระดับ 600 กว่าเหรียญ ราคาหุ้น TESLA พุ่งปิดสิ้นปีที่ระดับ All Time High เหนือกว่า 700 เหรียญได้ ซึ่งถือว่าขณะนั้น Elon Musk เป็นฝ่ายที่ได้เปรียบมีภาษีที่ดีกว่าอยู่มาก ทำให้หลายคนกำลังสงสัยว่าสถานการณ์นี้ Burry จะเจ็บตัวหนักถึงขั้นโยนผ้ายกธงขาวยอมแพ้และจะทำให้เขาถอดใจถอนตัวออกจากการ Short หรือไม่

นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างคิดว่าราคาของ TESLA ที่พุ่งขึ้นนั้นจะสร้างความปั่นป่วน สั่นสะเทือนให้แก่ Michael Burry แต่ผิดคาดเขาได้ออกมาตอบโต้ถึงทิศทางราคาหุ้นทันทีในวันที่ 9 มกราคม ว่าขณะนี้ผมกำลังสะสม Short หุ้น TESLA และสะสมเพิ่มจำนวนมันมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย และหากตอนนี้ใครซื้อหุ้น TESLA ไว้ก็ดีใจด้วย ขอให้เก็บเกี่ยวความสุขกันให้เต็มที่ ในขณะที่ยังสามารถทำได้ ก่อนที่ในไม่ช้านี้ความทุกข์จะมาเยือน โดยในขณะที่ Michael Burry ได้ออกมาทวีตออกมายืนยันว่าเขากำลังสะสม Short มากขึ้นเรื่อยๆ แม้ในช่วงนั้นราคาหุ้น TESLA จะพุ่งทะลุ 800 เหรียญไปแล้วก็ตาม แต่เป็นการตอกย้ำว่าคำพยากรณ์ของเขาว่าราคาหุ้น TESLA ต้องร่วงลงมาแน่ๆ

หลังจากนั้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ คำพยากรณ์เหตุการณ์ GameStop ก็เกิดขึ้นตรงกับที่เขามองไว้ และนั่นเองทำให้นักลงทุนที่ถือหุ้น TESLA หลายคนต่างเริ่มกังวลในคำทำนายที่เขาเคยกล่าวไว้ แม้ว่าเดิมพันครั้งนี้เป็นหุ้นที่ท็อปฟอร์มที่สุดของ Wall Street อย่าง TESLA ซึ่งเหมือนศึกยักษ์ชนยักษ์ที่ไม่ได้เป็นหุ้นนอกสายตาอย่าง GameStop แต่เป็นหุ้นที่เดินหน้าทุบสถิติเป็นว่าเล่น และบริหารงานโดยพ่อมดเทคโนโลยีอย่าง Elon Musk ที่ไม่ยอมให้ใครมาลูบคม และกระชากราคาหุ้นลงสู่เหวเป็นการหยามน้ำหน้าให้เสียศักดิ์ศรีได้ เพราะมันจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและภาพลักษณ์ของบริษัทที่จะเป็นแกนหลักของเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต

ซึ่งแน่นอนว่า ความหวังของนักลงทุนผู้ถือหุ้นทั้งโลกถูกแบกไว้บนบ่าอันหนักอึ้งของ Elon Musk และเขาคงจะไม่ยอมให้บริษัทที่เขาสร้างมากับมือต้องสั่นคลอน และราคาหุ้นจะโดนเทขายได้ง่ายๆ เช่นกัน ซึ่ง Elon Musk ก็ไม่ได้ประมาทต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเพิ่มความระมัดระวังในการบริหารความเสี่ยง พร้อมทั้งส่ง E-mail กำชับกับพนักงานทุกคนในบริษัทให้ระมัดระวังและควบคุมค่าใช้จ่ายเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

อย่างไรก็ดี Elon Musk ได้ออกมาตอกย้ำสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนอีกว่า หากมองทิศทางการลงทุนระยะยาว เขาเชื่อว่าราคาหุ้น TESLA ณ ปัจจุบันที่ค่า P/E Ratio ระดับ 1,700 เท่านั้น ยังถือว่าถูกมาก หากเมื่อเทียบกับสิ่งที่ทางบริษัทกำลังวางแผนจะขยายอยู่ และเขารู้สึกเสียดายที่หุ้นซึ่งถืออยู่ในมือปัจจุบันนั้นน้อยเกินไป น่าจะซื้อหุ้น TESLA เพิ่มตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อน

ในทางกลับกันหากย้อนมองอดีตจะเห็นได้ชัดเจนว่า ความพยายามตลอด 16 ปีของเขานั้นเป็นจริงมาตลอด ตั้งแต่เขาเริ่มเข้ามาลงทุนในบริษัท TESLA ทั้งการขยายกำลังการผลิตหรือการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ และล่าสุดเขาได้สัญญาว่าระบบ Full Autonomous Driving Level 5 หรือระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติไร้คนขับสมบูรณ์แบบจะออกมาได้ในปีนี้ และหาก TESLA ทำสำเร็จจริง โอกาสที่ราคาหุ้น TESLA จะตกลงมาจะไม่มีทางเป็นไปได้เลย เพราะมันจะเปิดโอกาสทางธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ IoT Ecosystem ตามมาอย่างมากมาย ซึ่งถึงตรงนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่า Elon Musk มั่นใจแน่ๆ ว่า Full Self Driving จะสำเร็จแน่ๆ จึงทำการเตรียมโครงสร้างไว้ก่อน เช่นเดียวกับที่เขาเคยสร้างสถานีชาร์จรถไฟฟ้าไว้มากมายทั่วประเทศก่อนที่จะผลิตรถออกมาสำเร็จ

ขณะที่ฝั่งของ Michael Burry ไม่ใช่นักลงทุนคนแรกที่ Short หุ้น TESLA และเหล่านักลงทุนคนก่อนหน้าเขาก็ได้เรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตไปมากมาย โดยในปีที่ผ่านมาเหล่า Short Seller ของ TESLA ขาดทุนเงินเป็นเงินรวมกันไปกว่า 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 1.2 ล้านล้านบาท มากกว่าที่นักลงทุน Short Seller ปัจจุบันของ GameStop กำลังขาดทุนอยู่กว่า 2 เท่า โดยปริมาณ Short Sell ของ TESLA เคยสูงมากถึง 40% สมัยราคาหุ้น TESLA ก่อนแตกพาร์ ทำให้ราคาหุ้น TESLA ไม่เคยพุ่งขึ้นเกิน 500 ดอลลาร์สหรัฐได้เลย เพราะจะโดนเหล่า Short Seller นี้เข้าไปกดดันราคา แต่จากการประกาศนำหุ้น TESLA เข้าคำนวณดัชนี S&P500 ในช่วงไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา กลายเป็นปัจจัยหลักที่ดันราคาหุ้น TESLA ให้ขึ้นมาเรื่อยๆ จนเหล่ากองทุนที่ Short หุ้นอยู่ต้องทยอยกลับมาซื้อหุ้นคืนหรือ Short Sqeeze คล้ายๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ GameStop นั่นเอง จนปัจจุบันเปอร์เซ็นต์ Short หุ้นของ TESLA จะลงมาต่ำไม่ถึง 20% แล้ว ทำให้ฝั่งขา Short ที่ทยอยปิดสถานะสัญญาและยอมซื้อหุ้นคืนปิดขาดทุนเพราะไม่กล้าเดิมพันกับอนาคตที่ไม่สามารถคาดเดาได้ของ TESLA

แต่การประกาศท้าดวลของ Michael Burry กับ Elon Musk จึงกลายเป็นสิ่งที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามอง เนื่องจาก Michael Burry นอกจากเข้าใจหัวใจของการทำธุรกิจเรื่องกลไกตลาดทุนและเศรษฐกิจโลกอย่างทะลุปรุโปร่งเป็นอย่างดีแล้ว ที่ผ่านมาที่สุดแล้วสิ่งที่เขาพูดนั้นสร้างความประหลาดใจให้นักลงทุนทั่วโลกได้เสมอ แต่ถึงอย่างนั้น แม้ว่าพื้นฐานที่นักลงทุนทั่วไปอย่างบ้านเราต้องอ่านคือแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี หรือแบบ 56-1 แต่สำหรับธุรกิจของ TESLA นั้นล้ำลึกกว่ามาก เพราะไม่สามารถคำนวมูลค่าบน Excel ในรูปแบบปกติธรรมดาได้แน่ๆ เพราะมีหลายอย่างที่เป็นเทคโนโลยีที่ยังอยู่ในขั้น "มโนอนาคต" บวกกับการใส่ความคาดหวังเข้าไปในธุรกิจของโลกอนาคตที่มนุษย์โลกยังไม่เคยพบมาก่อน เหมือนวาดฝันออกจากโรงหนังหลังดูหนังไซ-ไฟวิทยาศาสตร์ จบไปว่ามันจะต้องมีสิ่งนี้เกิดขึ้น โดยไม่มีใครรู้ว่าจะทำสำเร็จได้จริงมั้ย มันจะออกมาเป็นแบบไหน ซึ่งเกินครึ่งเป็นการขายฝันจินตนาการที่ยังไม่เป็นจริง โดยมีเส้นยาแดงผ่าแปดคั่นกลางระหว่างความ "สำเร็จ" และ "ล้มเหลว" เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับการขยายธุรกิจด้านพลังงานของ TESLA ที่แตกไลน์ไปทำธุรกิจ Software Servie หรือระบบแท็กซี่ Ride Hailing Serive จากการมีระบบ Full Self Driving รวมไปถึงการขายประกันรถอีกด้วย ซึ่งหากจะคำนวณมูลค่าของธุรกิจและสินทรัพย์ยากที่จะสามารถทำได้ในรูปแบบระบบบัญชีปัจจุบัน เพราะเป็นเรื่องของ Network Effect ซึ่งมีการยืดหยุ่นปรับตัวอยู่ตลอดเวลา

แต่กระนั้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้น TESLA จะโดนเทขายไป -10% จนปิดตลาดที่ 790 เหรียญ ทำให้นักลงทุนไม่น้อยหันมามอง Michael Burry ว่าคำพูดของเขายังขลังอยู่ แม้ว่าเป้าหมายที่เขาจะ Short นั้นยังห่างอยู่มาก แต่มันก็ช่วยยืนยันได้ว่าคำพยากรณ์ของเขายังแม่นยำอยู่ 

แต่จะมีใครสักกี่คนที่จะคาดเดาได้ว่าคนที่จะคว้าชัยชนะในศึกนี้ เพราะ "สงครามแห่งศักดิ์ศรี และ MONEY GAME เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้นเอง"


กำลังโหลดความคิดเห็น