บมจ.อาร์เอส หรือ RS เทงบลงทุนกว่า 920 ล้านบาท เข้าลงทุนในบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด หรือ Chase ซึ่งประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์ และสินเชื่อ รวมถึงธุรกิจทวงถามหนี้ ดำเนินคดี และบังคับคดี ผ่านการเข้าถือหุ้นจำนวน 35% เนื่องจากเห็นว่าเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพและมีโอกาสเติบโตสูงทั้งในภาวะเศรษฐกิจรุ่งเรืองและถดถอย โดยเบื้องต้นคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.64
RS แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทวันนี้ (18 ม.ค.) อนุมัติให้บริษัท อาร์เอสเอ็กซ์ จำกัด (RSX) ซึ่งบริษัทถือหุ้น 99.99% เข้าลงทุนในกลุ่มบริษัทเป้าหมาย ประกอบด้วย Chase บริษัท บริหารสินทรัพย์ ซีเอฟ เอเชีย จำกัด (CF Asia) บริษัท รีโซลูชั่นเวย์ จำกัด (R-Way) และบริษัท คอร์ทส์ เม็กก้าสโตร์ (ประเทศไทย) จำกัด (Courts) ด้วยการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเข้าถือหุ้น 35% ใน Chase คิดเป็นมูลค่า 920 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ Chase ยังคงถือหุ้นในสัดส่วน 65%
สำหรับ Chase ประกอบธุรกิจหลักในการทวงถามหนี้ ดำเนินคดี และบังคับคดี โดยเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% ใน 1.CF Asia ประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 2.R-Way ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. และรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากผู้ประกอบธุรกิจสถาบันการเงินและที่มิใช่สถาบันการเงิน และ 3.Courts ซึ่งประกอบธุรกิจให้สินเชื่อภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งได้รับยกเว้นจากการขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท.
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทยังอนุมัติให้เข้าทำสัญญากู้ยืมเงินกับธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เพื่อนำเงินไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน RSX ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โดยเงินเพิ่มทุนดังกล่าว RSX จะนำไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน Chase โดยบริษัทจะกู้เงินระยะยาวจาก KBANK จำนวนไม่เกิน 1 พันล้านบาท ระยะเวลา 7 ปี อัตราดอกเบี้ย MLR ลบด้วยร้อยละคงที่ตามสัญญา ซึ่งจะเริ่มมผ่อนชำระคืนในปีที่ 4 โดยชำระคืนเงินต้นเท่ากันทุกงวด ทั้งหมด 48 งวด
อย่างไรก็ดี บริษัทเล็งเห็นว่าธุรกิจดังกล่าวเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพและมีโอกาสในการเติบโตสูงทั้งในภาวะเศรษฐกิจรุ่งเรืองและถดถอย โดยกลุ่มบริษัทเป้าหมายมีการประกอบธุรกิจที่ครบวงจร ตั้งแต่การให้สินเชื่อ การบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ การทวงถามหนี้ การดำเนินคดี ตลอดจนการบังคับคดี ประกอบกับกลุ่มบริษัทเป้าหมายมีการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากมีผู้บริหาร บุคลากร และทีมงานที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน จึงน่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้แก่บริษัทได้ภายหลังจากการเข้าทำธุรกรรม
นอกจากนี้ การเข้าลงทุนใน Chase จะทำให้บริษัทได้มาซึ่งพันธมิตรทางธุรกิจและก่อให้เกิดการผนึกกำลังที่สำคัญ อันนำมาสู่การเติบโตทางธุรกิจของบริษัท และกลุ่มบริษัทเป้าหมาย เนื่องจากการลงทุนในครั้งนี้เป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจของบริษัทไปสู่ประเภทธุรกิจใหม่ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทได้รับประโยชน์จากการใช้ทรัพยากรและพัฒนาองค์ความรู้ร่วมกันกับกลุ่มบริษัทเป้าหมาย เช่น การฝึกอบรมทักษะของทีม Telesales และการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบปฏิบัติการต่างๆ มาปรับใช้ เป็นต้น