นับจากปีใหม่ หุ้นบริษัท เอ็มพีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MPG (หุ้นแมงป่องเดิม) พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคาปรับตัวขึ้นกว่า 100% โดยไม่มีปัจจัยสนับสนุนที่ชัดเจน นอกจากการประกาศเพิ่มทุน นำหุ้นเสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมเท่านั้น ซึ่งไม่น่าจะเป็นข่าวดีกระตุ้นราคาหุ้น
ราคาหุ้น MPG ปิดวันที่ 30 ธันวาคม 2563 ที่ 26 สตางค์ แต่เปิดการซื้อขายหลังปีใหม่ ราคาดีดตัวขึ้นม้วนเดียว โดยการซื้อขายวันที่ 7 และ 8 มกราคมที่ผ่านมา มีการไล่ราคาพุ่งขึ้นชนเพดานสูงสุด 30% 2 วันติด ท่ามกลางมูลค่าซื้อขายที่หนาตาขึ้น ก่อนปิดการซื้อขายวันที่ 13 มกราคม ในราคา 54 สตางค์
เทียบกับราคาปิดเมื่อสิ้นปี 2563 หุ้น MPG พุ่งขึ้นกว่า 100% จากราคา 26 สตางค์ ปิดล่าสุดที่ 54 สตางค์
ราคาหุ้น MPG เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 20 สตางค์เศษถึง 30 สตางค์เศษอยู่หลายเดือน โดยมีมูลค่าการซื้อขายที่บางตา เนื่องจากผลประกอบการขาดทุนติดต่อหลายปี จึงไม่อยู่ในความสนใจของนักลงทุน
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2563 MPG ได้จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปรากฏว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นลงมติไม่อนุมัติวาระที่คณะกรรมการบริษัทเสนอเกือบทุกวาระ ไม่ว่าจะเป็นวาระรับรองงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562
ไม่อนุมัติค่าตอบแทนกรรมการปี 2563 ไม่อนุมัติการเปลี่ยนแปลงและแต่งตั้งผู้สอบบัญชี และไม่อนุมัติการลดทุนจดทะเบียน ทำให้ไม่มีการพิจารณาวาระการเพิ่มทุน
การที่ผู้ถือหุ้นไม่อนุมัติวาระการประชุมที่กรรมการบริษัทฯ เสนอ สะท้อนถึงความขัดแย้งระหว่างผู้ถือหุ้น ซึ่งต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยนางกิตติ์ยาใจ ตรีเอกวิจิตร ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ถือหุ้นในสัดส่วน 17.08% ของทุนจดทะเบียน ได้ขายหุ้นทั้งหมดให้ น.ส.อัยดา ชินวัฒน์
ขณะเดียวกัน ได้มีการเปลี่ยนแปลงการบริหาร โดยแต่งตั้งกรรมการชุดใหม่แทนกรรมการที่หมดวาระและไม่ขอต่อวาระ รวมทั้ง แต่งตั้งนายสามารถ ฉั่วศิริพัฒนา อดีตผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ DNA เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันของบริษัท
และวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา คณะกรรมการ MPG ได้มีมติเพิ่มทุน จำนวน 1,955.50 ล้านหุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 10 สตางค์ จากพาร์ 1 บาท กำหนดชำระค่าหุ้นระหว่างวันที่ 15-19 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งน่าจะนำไปสู่การลากราคาหุ้น
ตั้งแต่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2547 หลังนำหุ้นเสนอขายนักลงทุนในราคาหุ้นละ 7 บาท หุ้น MPG ทรุดมาตลอด โดย 17 ปีที่ผ่านมา ไม่มีใครเคยเห็น MPG ขึ้นไปแตะที่ราคาจอง
ส่วนราคาหุ้นที่ดีดแรงครั้งนี้ไม่น่าเกิดจากการเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่หรือการปรับโครงสร้างการบริหารงาน เพราะไม่มีหลักประกันว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่กลุ่มใหม่ หรือการปรับการบริหารงานจะทำให้ผลประกอบการบริษัทดีขึ้น
แต่ หุ้นที่ถูกลากขึ้นอาจเกี่ยวโยงกับการเพิ่มทุน เพราะราคาหุ้นในกระดานยิ่งสูงขึ้นเท่าใด จะยิ่งจูงใจให้ผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิการของซื้อหุ้นเพิ่มทุน นอกจากนั้น ยังกระตุ้นให้นักลงทุนทั่วไปแห่เก็งกำไรหุ้น MPG มากขึ้นด้วย
เพราะถ้าซื้อหุ้น MPG จะได้สิทธิของซื้อหุ้นเพิ่มทุนในราคาเพียง 10 สตางค์
การเพิ่มทุน MPG ครั้งนี้ ผู้ถือหุ้นรายย่อยเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายสำคัญ เพราะมีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 1,936 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 53.79% ของทุนจดทะเบียน
แต่ถ้าผู้ถือหุ้นรายย่อยเติมเงินเพิ่มทุนเข้าไปแล้ว เมื่อผลดำเนินงานบริษัทไม่ดีขึ้น และยังขาดทุนต่อไปจะเกิดความเสียหายกับการใส่เงินเพิ่มทุน
ราคาหุ้น MPG ที่พุ่งแรงอาจเกิดขึ้นในช่วงๆ สั้น เพื่อล่อให้เกิดใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนเท่านั้น ไม่ได้ขึ้นเพราะมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านปัจจัยพื้นฐานที่ดีขึ้น ไม่ได้ขึ้นเพราะความคาดหวังผลประกอบการบริษัทจะพลิกฟื้น
เมื่อแผนการเพิ่มทุนบรรลุเป้าหมาย หุ้น MPG อาจกลับบ้านเก่าก็ได้