สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 8 ม.ค.2564

-- -ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (8 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับความหวังเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพิ่มเติม หลังจากนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเขาจะมีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งตลาดได้ดีดตัวขึ้นขานรับความเห็นดังกล่าว หลังจากที่ปรับตัวลงในช่วงแรกจากการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ลดลงสวนทางคาดการณ์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,097.97 จุด เพิ่มขึ้น 56.84 จุดหรือ +0.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,824.68 จุด เพิ่มขึ้น 20.89 จุดหรือ +0.55% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,201.98 จุด เพิ่มขึ้น 134.50 จุดหรือ +1.03%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (8 ม.ค.) เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน และปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบสัปดาห์นี้นับตั้งแต่เดือน พ.ย.ที่ผ่านมา โดยนักลงทุนขานรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาดของเยอรมนี และการคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการที่สดใสจากบรรดาบริษัทผลิตชิป

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 411.17 จุด เพิ่มขึ้น 2.68 จุด หรือ +0.66%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,706.88 จุด เพิ่มขึ้น 37.03 จุด หรือ +0.65%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,049.53 จุด เพิ่มขึ้น 81.29 จุด หรือ +0.58% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,873.26 จุด เพิ่มขึ้น 16.30 จุด หรือ +0.24%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (8 ม.ค.) เป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า เศรษฐกิจโลกจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว หลังหลายประเทศฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชน ซึ่งจะทำให้การแพร่ระบาดสิ้นสุดลง และนักลงทุนยังขานรับการคาดการณ์ที่ว่า รัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินหลายล้านล้านดอลลาร์ในไม่ช้านี้

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,873.26 จุด เพิ่มขึ้น 16.30 จุด หรือ +0.24% และบวกขึ้นมากกว่า 6% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อวันศุกร์ (8 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่ซาอุดีอาระเบียสมัครใจที่จะปรับลดการผลิตน้ำมัน และรายงานที่บ่งชี้ว่าสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลงเกินคาดนั้น ได้ช่วยหนุนตลาดน้ำมันด้วย

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. พุ่งขึ้น 1.41 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 52.24 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 7.7% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน มี.ค. พุ่งขึ้น 1.61 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 55.99 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 8.1% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงมากกว่า 4% เมื่อวันศุกร์ (8 ม.ค.) โดยเป็นการร่วงลงวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. เนื่องจากถูกกระทบจากการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ก.พ. ร่วงลง 78.20 ดอลลาร์ หรือ 4.09% ปิดที่ 1,835.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และร่วงลงราว 3.2% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน มี.ค. ร่วงลง 2.624 เซนต์ หรือ 9.63% ปิดที่ 24.637 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาแพลทินัมส่งมอบเดือน เม.ย. ร่วงลง 53.3 ดอลลาร์ หรือ 4.74% ปิดที่ 1,071.30 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน มี.ค. ร่วงลง 66.60 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 2,365.00 ดอลลาร์/ออนซ์

-- ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (8 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับแนวโน้มที่รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่อ่อนแอของสหรัฐฯ จะเป็นปัจจัยผลักดันให้รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่เพื่อเยียวยาผลกระทบจากโรคโควิด-19 ด้วย

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.32% แตะ 90.1200 เมื่อวันศุกร์

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 103.93 เยน จากระดับ 103.86 เยน, แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8865 ฟรังก์ จากระดับ 0.8849 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2711 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2685 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2212 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2268 ดอลลาร์, เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3560 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3570 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7747 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7759 ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 31,097.97 จุด เพิ่มขึ้น 56.84 จุด, +0.18%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 3,824.68 จุด เพิ่มขึ้น 20.89 จุด, +0.55%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 13,201.98 จุด เพิ่มขึ้น 134.50 จุด, +1.03%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,049.53 จุด เพิ่มขึ้น 81.29 จุด, +0.58%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,873.26 จุด เพิ่มขึ้น 16.30 จุด, +0.24%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,706.88 จุด เพิ่มขึ้น 37.03 จุด, +0.65%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 48,782.51 บวก 689.19 จุด, +1.43%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,993.19 จุด เพิ่มขึ้น 86.22 จุด, +2.97%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,633.19 จุด เพิ่มขึ้น 30.24 จุด, +1.89%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,257.84 จุด เพิ่มขึ้น 104.20 จุด, +1.69%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 27,878.22 จุด เพิ่มขึ้น 329.70 จุด, +1.20%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,570.11 จุด ลดลง 6.10 จุด, -0.17%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 3,152.18 จุด เพิ่มขึ้น 120.5 จุด, +3.97%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 6,757.90 จุด เพิ่มขึ้น 45.90 จุด, +0.68%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ ปิดที่ 7,024.20 จุด เพิ่มขึ้น 43.70 จุด, +0.63%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 28,139.03 จุด พุ่งขึ้น 648.90 จุด, +2.36%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 15,463.95 จุด เพิ่มขึ้น 249.95 จุด, +1.64%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,289.88 จุด เพิ่มขึ้น 170.27 จุด, +2.39%