สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 6 ม.ค.2563

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนแห่ซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มอุตสาหกรรม เนื่องจากคาดหวังว่า พรรคเดโมแครตจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารัฐจอร์เจีย ซึ่งจะปูทางให้คณะบริหารของนายโจ ไบเดน สามารถผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่และเพิ่มการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลงจากระดับนิวไฮในระหว่างวัน หลังมีรายงานว่า กลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ส่งผลให้สภาคองเกรสต้องระงับการประกาศรับรองชัยชนะของนายไบเดนเป็นการชั่วคราว

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,829.40 จุด พุ่งขึ้น 437.8 จุด หรือ +1.44% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,748.14 จุด เพิ่มขึ้น 21.28 จุด หรือ +0.57% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,740.79 จุด ลดลง 78.17 จุด หรือ -0.61%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) ขานรับการอนุมัติใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทโมเดอร์นา อิงค์ ในสหภาพยุโรป (EU) และนักลงทุนมีความหวังมากขึ้นเกี่ยวกับการผลักดันมาตรการกระตุ้นด้านการคลังขนาดใหญ่ขึ้นของสหรัฐฯ เนื่องจากพรรคเดโมแครตใกล้จะชนะการเลือกตั้งวุฒิสภาสหรัฐฯ ในรัฐจอร์เจีย ซึ่งจะทำให้พรรคเดโมแครตได้ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 1.367% ปิดที่ 406.41 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,630.60 จุด เพิ่มขึ้น 66.00 จุด หรือ +1.19%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,891.97 จุด เพิ่มขึ้น 240.75 จุด หรือ +1.76% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,841.86 จุด เพิ่มขึ้น 229.61 จุด หรือ +3.47%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ.2563 นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงาน เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังว่าสหรัฐฯ จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น และราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังซาอุดีอาระเบียตกลงที่จะปรับลดการผลิตน้ำมันลงมากกว่าคาด

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,841.86 จุด เพิ่มขึ้น 229.61 จุด หรือ +3.47%

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 45 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 1% และจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังราคาพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งก่อนหน้านี้

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ก.พ. ร่วงลง 45.8 ดอลลาร์ หรือ 2.34% ปิดที่ 1,908.6 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน มี.ค. ลดลง 59.8 เซนต์ หรือ 2.16% ปิดที่ 27.042 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาแพลทินัมส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 9.4 ดอลลาร์ หรือ 0.84% ปิดที่ 1,110.2 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน มี.ค. ร่วงลง 45.30 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 2,448.10 ดอลลาร์/ออนซ์

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กทำสถิติปิดที่เหนือระดับ 50 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 11 เดือนเมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) หลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยสต๊อกน้ำมันดิบลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ซาอุดีอาระเบียสมัครใจปรับลดกำลังการผลิตลง 1 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงสิ้นเดือน มี.ค.

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 70 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 50.63 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 70 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 54.30 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- ดอลลาร์สหรัฐแข็งเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า พรรคเดโมแครตจะกวาดชัยชนะในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารอบสองในรัฐจอร์เจีย ซึ่งจะปูทางสำหรับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.10% สู่ระดับ 89.5300 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 103.13 เยน จากระดับ 102.64 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8797 ฟรังก์ จากระดับ 0.8779 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2693 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2667 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2307 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2302 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3598 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3628 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7788 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7772 ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 30,829.40 จุด พุ่งขึ้น 437.8 จุด หรือ +1.44%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 3,748.14 จุด เพิ่มขึ้น 21.28 จุด หรือ +0.57%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 12,740.79 จุด ลดลง 78.17 จุด หรือ -0.61%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,891.97 จุด เพิ่มขึ้น 240.75 จุด, +1.76%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,841.86 จุด เพิ่มขึ้น 229.61 จุด, +3.47%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,630.60 จุด เพิ่มขึ้น 66.00 จุด, +1.19%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 48,174.06 จุด ลดลง 263.72 จุด, -0.54%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,863.01 จุด เพิ่มขึ้น 3.33 จุด, +0.12%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,591.97 จุด ลดลง 16.38 จุด, -1.02%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,065.68 จุด ลดลง 71.66 จุด, -1.17%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 27,692.30 จุด เพิ่มขึ้น 42.44 จุด, +0.15%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,550.88 จุด เพิ่มขึ้น 22.20 จุด, +0.63%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,968.21 จุด ลดลง 22.36 จุด, -0.75%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 6,607.10 จุด ลดลง 74.80 จุด, -1.12%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 6,881.40 จุด ลดลง 74.30 จุด, -1.07%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 27,055.94 จุด ลดลง 102.69 จุด, -0.38%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 14,983.13 จุด ลดลง 16.90 จุด, -0.11%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,047.85 จุด ลดลง 86.33 จุด, -1.21%