xs
xsm
sm
md
lg

ก.ล.ต.เผยศาลอุทธรณ์พิพากษาตัดสินอัตราโทษขั้นสูงสุด "สุรินทร์ บรรยงพงศ์เลิศ" ปั่นหุ้น PICO

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ก.ล.ต. เปิดเผยศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลแพ่ง กรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (PICO) เป็นว่า ให้นายสุรินทร์ บรรยงพงศ์เลิศ จำเลย ชำระเงิน 24,538,815 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 26 ธันวาคม 2561) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ ก.ล.ต. โจทก์ ห้ามนายสุรินทร์ เข้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ หรือศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเวลา 3 ปี นับแต่วันทราบคำพิพากษานี้ และห้ามนายสุรินทร์ เป็นกรรมการ หรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ หรือบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ทราบคำพิพากษานี้ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นํามาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับต่อนายสุรินทร์ บรรยงพงศ์เลิศ กรณีนายสุรินทร์ มีการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น PICO ในลักษณะสร้างราคาหุ้น PICO แต่นายสุรินทร์ ไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งดังกล่าว ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2561 พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องคดีนายสุรินทร์ ต่อศาลแพ่ง ตามที่ ก.ล.ต. ส่งเรื่องเพื่อขอให้ศาลกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งต่อนายสุรินทร์ เป็นคดีหมายเลขดำที่ พ.7563/2561 ระหว่าง ก.ล.ต. โจทก์ นายสุรินทร์ บรรยงพงศ์เลิศ จําเลย

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2562 ศาลแพ่งได้มีคําพิพากษาเป็นคดีหมายเลขแดงที่ พ.5396/2562 โดยพิพากษาให้จำเลยชำระค่าปรับทางแพ่งเป็นเงิน 1.25 เท่าของผลประโยชน์ที่จำเลยได้รับหรือพึงได้รับจากการกระทำความผิดเป็นเงิน 10,180,283.75 บาท ให้ชดใช้เงินผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการกระทำความผิดเป็นเงิน 8,144,227 บาท และชดใช้ค่าใช้จ่ายของโจทก์เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดของจำเลยเป็นเงิน 106,134 บาท รวมเป็นเงิน 18,430,644.75 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 26 ธันวาคม 2561) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ห้ามจำเลยเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์หรือศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน และห้ามจำเลยเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลา 3 ปี นับแต่วันที่ศาลแพ่งมีคำพิพากษาเป็นต้นไป

ต่อมา เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2563 ศาลอุทธรณ์มีคําพิพากษา* แก้คําพิพากษาศาลแพ่ง เป็นว่า ให้จำเลยชำระค่าปรับทางแพ่งเป็นเงิน 2 เท่าของผลประโยชน์ที่จำเลยได้รับหรือพึงได้รับจากการกระทำความผิดซึ่งเป็นอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนด เป็นเงิน 16,288,454 บาท ให้ชดใช้เงินผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการกระทำความผิดเป็นเงิน 8,144,227 บาท และชำระค่าใช้จ่ายอันเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดของจำเลยเป็นเงิน 106,134 บาท รวมเป็นเงิน 24,538,815 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ห้ามจำเลยเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์หรือศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเวลา 3 ปี นับแต่วันทราบคำพิพากษา และห้ามจำเลยเป็นกรรมการ หรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ หรือบริษัทหลักทรัพย์ เป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ทราบคำพิพากษา (วันที่ 15 ธันวาคม 2563) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ซึ่งคดีถึงที่สุดแล้วตามคําพิพากษาศาลอุทธรณ์

น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า คดีนี้เป็นกรณีการสร้างราคาหลักทรัพย์ที่ดำเนินคดีโดยใช้มาตรการลงโทษทางแพ่ง โดยยื่นฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2561 และศาลอุทธรณ์ได้มีคําพิพากษาถึงที่สุดแล้วเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2563 หากจําเลยไม่ปฏิบัติตามคําพิพากษา ก.ล.ต. จะดำเนินการบังคับคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ เงินค่าปรับทางแพ่งและเงินค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำผิดเป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งกระทรวงการคลัง


กำลังโหลดความคิดเห็น