ตลาดหุ้นเอเชียเปิดในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ ขานรับข่าวอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) บรรลุข้อตกลงการค้าซึ่งจะมีการบังคับใช้หลังจากอังกฤษแยกตัวจาก EU (Brexit) ในช่วงสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความหวังเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในสหรัฐฯ รวมทั้งรายงานที่ว่าขณะนี้ประชาชนกว่า 1 ล้านคนในสหรัฐฯ ได้รับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 แล้ว ซึ่งอาจจะทำให้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สิ้นสุดลงเร็วขึ้นและช่วยหนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัว
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,351.79 จุด ลดลง 11.32 จุด, -0.34% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,708.10 จุด เพิ่มขึ้น 39.75 จุด, +0.15% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 14,306.98 จุด เพิ่มขึ้น 26.70 จุด, +0.19%
ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ตลาดหุ้นสิงคโปร์ และตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการในวันนี้ (25 ธ.ค.) เนื่องในวันคริสต์มาส
อังกฤษ และ EU สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างกันเมื่อคืนวานนี้ตามเวลาไทย หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้เจรจาร่วมกันเป็นเวลานานหลายเดือน โดยนางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กล่าวว่า ข้อตกลงการค้าดังกล่าวมีความสมดุลและเป็นธรรม
ข่าวการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษและ EU เป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นปิดในแดนบวก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นักลงทุนต่างพากันวิตกกังวลว่า หากอังกฤษและ EU ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าได้ก่อนวันที่ 1 ม.ค.2564 ก็จะทำให้อังกฤษแยกตัวออกจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit) ส่งผลให้อังกฤษสูญเสียสิทธิพิเศษทางการค้ากับ EU และทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องดำเนินการค้าภายใต้กฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก (WTO) นอกจากนี้ ภาวะ no-deal Brexit จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอังกฤษและยุโรป
ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) ซึ่งระบุว่า ประชาชนในสหรัฐฯ กว่า 1 ล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 แล้ว และในช่วงไม่กี่วันที่เหลือก่อนสิ้นปีนี้ สหรัฐฯ มีแผนที่จะฉีดวัคซีนให้ประชาชนกว่า 2 ล้านคน/วัน เพื่อบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนจำนวน 20 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้