สหราชอาณาจักรบรรลุข้อตกลงการค้าหลังเบร็กซิต ใกล้ชิดกับสหภาพยุโรปในวันพฤหัสบดี(24ธ.ค.) เพียง 7 วัน ก่อนที่พวกเขาจะออกจากหนึ่งในกลุ่มการค้าใหญ่ที่สุดของโลก ในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดหนหนึ่งของโลก
ข้อตกลงที่เห็นพ้องกันจนได้ 4 ปีหลังสหราชอาณาจักรลงมติถอนตัวออกจากอียูด้วยคะแนนฉิวเฉียด ได้มอบหนทางหลุดพ้นจากความยุ่งเหยิงจากการแยกตัว ซึ่งสั่นคลอนโครงการยาวนาน 70 ปี ที่หวังหล่อหลอมอียูจากซากหักพังของสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้เป็นอันหนึ่งเดียวกัน
ในข้อตกลงจะสงวนไว้ซึ่งการเสียภาษีเป็นศูนย์ของสหราชอาณาจักรและไม่จำกัดโควต้าสำหรับการเข้าถึงผู้บริโภค 450 ล้านคนในตลาดเดี่ยวของกลุ่ม แต่จะไม่ป้องกันความเจ็บปวดและความวุ่นวายใดๆแก่สหราชณาจักรหรือบรรดารัฐสมาชิกอียู
อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายแง่มุมในความสัมพันธ์ในอนาคตระหว่างสหราชอาราจักรและอียูที่ยังคงต้องพูดคุยหาความเห็นพ้องต้องกัน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจต้องใช้เวลาอีกนานหลายปี
"เราได้กลับมากุมชะตากรรมของตนเอง" บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรบอกกับผู้สื่อข่าว "ผู้คนบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่เรากลับมาควบคุมชะตากรรมแล้ว"
สหราชอาณาจักรออกจากอียูอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2020 แต่ช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งกฎระเบียบด้านการค้า การเดินทางและการทำธุรกิจ ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง จะสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคมนี้
จอห์นสัน ซึ่งขึ้นมาจากฝ่ายรณรงค์ฝักใฝ่เบร็กซิต บอกว่าเนื่องด้วยประชาชนลงคะแนนโหวตถอนตัวจากอียู 52% เขาจึงไม่ต้องการยอมรับกฎระเบียบใดๆของตลาดเดี่ยวหรือสภาพศุลกากรของอียู หลังจากวันที่ 1 มกราคม
จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของข้อตกลงออกมา แต่จอห์นสัน ยืนยันว่า ข้อตกลงการค้ามูลค่า 6.68 แสนล้านปอนด์ต่อปีฉบับนี้ จะปกป้องตำแหน่งงานทั่วประเทศ และทำให้สินค้าของสหาชอาณาจักร สามารถขายในตลาดอียู ได้โดยไม่มีกำแพงภาษี และไม่มีการจำกัดโควต้า “นี่เป็นข้อตกลงที่ดีต่อทั้งยุโรป” เขากล่าว
อียูไม่ต้องการมอบเอกสิทธิ์แบบไร้ขีดจำกัดแก่สหราชอาณาจักร ด้วยความกังวลว่ามันอาจเป็นตัวกระตุ้นให้ชาติอื่นๆถอนตัวตาม ผลก็คือทำให้การเจรจาเต็มไปด้วยความยุ่งยากซับซ้อน
"มันเป็นถนนที่ยาวและคดเคี้ยว" อัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปบอกกับผู้สื่อข่าว "แต่เราได้ข้อตกลงที่ดี ท้ายที่สุดเราสามารถทิ้งเบร็กซิตไว้เบื้องหลังและมองไปยังอนาคต ตอนนี้ยุโรปกำลังก้าวต่อไป"
จอห์นสัน ให้คำจำกัดความข้อตกลงนาทีสุดท้ายนี้ว่า "ข้อตกลงการค้าขนาดมหึมา" ในระดับเดียวกับข้อตกลงการค้าระหว่างสหภาพยุโรปกับแคนาดา พร้อมเรียกร้องชาวสหราชอาณาจักรเดินหน้าพลุดพ้นจากความแตกแยก อันเนื่องจากประชามติเบร็กซิตในปี 2016
ข้อตกลงนี้จะสนับสนุนสันติภาพในไอร์แลนด์เหนือด้วยเช่นกัน อันเป็นเป้าหมายลำดับต้นๆของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ซึ่งเคยเตือน จอห์นวัน ว่าต้องยึดถือข้อตกลง “Good Friday Agreement” ในปี 1998
ไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นสมาชิกอียู บอกว่าข้อตกลงนี้ช่วยปกป้องผลประโยชน์ของพวกเขา เช่นเดียวกับเป็นไปได้สำหรับมอบความหวัง ขณะที่ทางคณะกรรมาธิการยุโรปบอกว่าจะเผยแพร่รายละเอียดเกี่ยวกับไอร์แลนด์บนเว็บไซต์เร็วๆนี้
อย่างไรก็ตามยังมีรายละเอียดอีกมากที่ยังจำเป็นต้องหาทางออก
ข้อตกลงการค้านี้จะไม่ครอบคลุมภาคบริการ ซึ่งคิดเป็น 80% ของเศรษฐกิจสหราชอาณาจักร ในนั้นรวมถึงอุตสากรรมธนาคาร ทำให้การเข้าถึงตลาดอียูสำหรับธนาคารต่างๆ, บริษัทประกันภัยและบริษัทบริหารสินทรัพย์ ที่มีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักร จะตกอยู่ในความไม่แน่นอน
จอห์นสัน บอกว่าข้อตกลงนี้ไม่ได้มีเนื้อหาอย่างที่เขาต้องการ อาทิกฎระเบียบที่เท่าเทียมกันสำหรับภาคการเงิน แต่ภายในก็บรรจุเนื้อหาที่ดีบางส่วน
แม้บรรลุข้อตกลงกันได้แล้ว แต่การค้าระหว่างสองฝ่ายจะต้องเผชิญกับกฎเณฑ์ต่างๆมากขึ้น ระเบียบแบบแผนที่หยุมหยิมกว่าเดิมและเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น นอกจากนี้แล้วอาจมีปัญหาความวุ่นวายบ้างตามท่าเรือทั้งหลาย เนื่องจากทุกสิ่งอย่าง ไล่ตั้งแต่กฎระเบียบด้านความปลอดภัยทางอาหารและการส่งออก ไปจนถึงการรับรองผลิตภัณฑ์ จะมีการเปลี่ยนแปลง
เมื่อครั้งที่สหราชอาณาจักรช็อกโลกด้วยการโหวตถอนตัวจากอียู หลายฝ่ายในยุโรปแสดงความหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะคงความเป็นพันธมิตรใกล้ชิด ในเรื่องนี้ ฟ็อน แดร์ ไลเอิน บอกว่า "การจากลาครั้งนี้คือความเศร้าอันแสนหวาน"
ธนาคารกลางอังกฤษ ประมาณการว่า แม้กระทั่งถอนตัวพร้อมกับข้อตกลงการค้า จีดีพีของสหราชอาณาจักรน่าจะได้รับผลกระทบจากเบร็กซิตราวๆ 1% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2021 ส่วนผู้เชี่ยวชาญมองว่าในช่วง 15 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรจะเล็กลง 4% เมื่อเทียบกับกรณีที่ยังคงอยู่ในกลุ่มอียู
ข้อตกลงการค้าหลังเบร็กซิตจำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากทั้งรัฐสภายุโรปและรัฐสมาชิก 17 ชาติอียู โดยทางผู้แทนของประเทศต่างๆของอียูจะพบปะกันในวันที่ 25 ธันวาคม เพื่อพิจารณาทบทวนข้อตกลงดังกล่าว ทั้งนี้ในวันพฤหัสบดี(24ธ.ค.) รัฐสภายุโรปบอกว่าจะวิเคราะห์รายละเอียดของข้อตกลง ก่อนตัดสินใจว่าจะอนุมัติข้อตกลงดังกล่าวหรือไม่ในวันปีใหม่
ส่วนรัฐสภาสหราชอาณาจักร จะเปิดอภิปรายและลงมติข้อตกลงดังกล่าวในวันที่ 30 ธันวาคม หรือเพียง 1 วันก่อนช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านสิ้นสุดลง
(ที่มา:รอยเตอร์)
