xs
xsm
sm
md
lg

สิงห์ เอสเตท รุกต่อธุรกิจที่พักอาศัยแนวราบ หลังขายหุ้น 'เนอวานา'

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายนริศ เชยกลิ่น
"สิงห์ เอสเตท" ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ขายหุ้นทั้งหมดในบริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) หรือ “NVD” คิดเป็น 51.56% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ NVD คาดได้รับเงินชำระกว่า 1,700 ล้านบาท ส่งผลดีให้ สิงห์ฯ สามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบในทุกรูปแบบได้ด้วยตนเอง สอดคล้องดีมานด์แข็งแกร่งท่ามกลางวิกฤต มั่นใจเติบโตต่อเนื่อง ด้านเนอวานาฯ แจงคาดจะเสร็จสมบูรณ์ ธ.ค.นี้ หากเจ้าหนี้ไฟเขียวแผนซื้อขายหุ้น

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “S” กล่าวว่า มาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศทั่วโลกเพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้คนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ จนลุกลามเป็นวิกฤตทางเศรษฐกิจทั่วโลกในที่สุด อย่างไรก็ดี ยอดขายสะสมโครงการบ้านเดี่ยว และทาว์นเฮาส์ 9 เดือนแรกของผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตได้ถึง 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สวนทางกับการหดตัวของผลการดำเนินงานในหลายธุรกิจ ตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพของธุรกิจที่พักอาศัยแนวราบที่ยังเติบโตได้ท่ามกลางวิกฤต ซึ่งที่ผ่านมา การดำเนินธุรกิจนี้ส่วนใหญ่ของ S เป็นการดำเนินธุรกิจผ่านการถือหุ้น 51.56% ในบริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) หรือ “NVD”

คณะกรรมการบริษัทมีมติในวันที่ 14 สิงหาคม 2563 ให้บริษัทลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างบริษัทและกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน NVD เพื่อศึกษารายละเอียดและความเป็นไปได้ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นที่ทั้ง 2 ฝ่ายถืออยู่ใน NVD โดยคู่สัญญาได้ดำเนินการตามเงื่อนไขของ MOU และได้ข้อสรุปในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 ว่า สิงห์ เอสเตทจะเป็นผู้ขายหุ้นสามัญใน NVD จำนวน 711,855,320 หุ้น คิดเป็น 51.56% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ NVD คิดเป็นเงินจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,793,875,406.40 บาท ให้แก่กลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ NVD และคาดว่าจะทำการซื้อขายหุ้นดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2563 โดยภายหลังจากการซื้อขายหุ้นสามัญใน NVD ดังกล่าวแล้ว NVD จะสิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ส่งผลให้ สิงห์ เอสเตท สามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทเองโดยปราศจากเงื่อนไขป้องกันการดำเนินธุรกิจทับซ้อนระหว่างบริษัท และ NVD ที่ได้เคยกำหนดไว้

สิงห์ เอสเตท เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับอัลตราลักชัวรี โครงการที่อยู่อาศัยในปัจจุบันประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียม 4 แห่ง ได้แก่ โครงการ ดิ เอส อโศก, ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์, ดิ เอส สุขุมวิท 36 และดิ เอ็กซ์โทร ตลอดจนโครงการบ้านเดี่ยวระดับราคา 250 ล้านบาท ภายใต้ชื่อ สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส และยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายพอร์ตการลงทุนในธุรกิจที่พักอาศัย การขายหุ้น NVD ในครั้งนี้ช่วยปลดล็อกให้สิงห์ เอสเตท สามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบภายใต้การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพของบริษัทได้อย่างเต็มตัว เพื่อสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง และต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์ปัจจุบันอย่าง ดิ เอส และ โครงการ สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการมีสัดส่วนรายได้จากที่อยู่อาศัยแนวราบต่อแนวสูงที่ระดับ 60:40 และหนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่องของพอร์ตธุรกิจที่อยู่อาศัยของบริษัท

“การขายหุ้นใน NVD เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดบางประการในการพัฒนาธุรกิจของบริษัท นับเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจที่พักอาศัยให้ครอบคลุมทั้งในด้านของสินค้าและเซกเมนต์ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการกระจุกตัวของกลุ่มลูกค้า ความผันผวนจากสภาวะตลาด และผลกระทบทางเศรษฐกิจ ตลอดจนเสริมสร้างการเติบโตของบริษัทที่ยั่งยืน และส่งมอบผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทในระยะยาว”

ด้าน นายจิรเดช นุตสถิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า กลุ่มสมวัฒนา จะเข้าซื้อหุ้น จำนวน 711,855,320 หุ้น คิดเป็น 51.56% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ NVD จากสิงห์ เอสเตทฯ ในราคา 2.52 บาทต่อหุ้น คาดว่าจะทำการซื้อขายในเดือนธันวาคม 2563 (วันที่คาดว่าจะซื้อขายเสร็จสมบูรณ์) แต่ทั้งนี้ จะต้องได้รับความยินยอมจากบรรดาเจ้าหนี้ของบริษัทฯ ก่อนการเข้าทำธุรกรรมซื้อขายหุ้น ซึ่งอาจเป็นผลให้วันที่คาดว่าจะซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ที่ได้กำหนดไว้ในเดือนธ.ค.นี้ ต้องเลื่อนออกไป อนึ่ง ก่อนเข้าซื้อหุ้น กลุ่มสมวัฒนา ถือหุ้นใน NVD ประมาณ 20.74% และหลังการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดจากสิงห์ เอสเตทฯ จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 72.30%

อนึ่ง บริษัทเนอวานา ไดอิฯ ณ ไตรมาส 3 ปี 63 มีสินทรัพย์รวม 12,919.40 ล้านบาท มีหนี้สิน 8,130.28 ล้านบาท รายได้รวม 1,896.23 ล้านบาท กำไรสุทธิ 24.74 ล้านบาท มียอดเงินลงทุนในบริษัทย่อย 738.19 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น