หุ้นไทยปิดพุ่ง 31.09 จุด ดีกว่าภูมิภาคขานรับเงินไหลเข้าหนุนหุ้นใหญ่คึกคัก หลังมาตรการของ ธปท.ยังไม่ได้ทำให้เงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าชัดเจน ประกอบกับตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากความคืบหน้าของวัคซีนต้านโควิด-19 รวมถึงตัวเลขส่งออกเดือน ต.ค.ของไทยออกมาตามคาด ทำให้แนวโน้มทั้งปีนี้การส่งออกอาจติดลบน้อยลง พร้อมมองดัชนียังมีโมเมมตัมดีดตัวขึ้นต่อวันพรุ่งนี้
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าภูมิภาคที่บวกราว 1% ส่วนหนึ่งคาดว่าได้รับแรงหนุนจากเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง หลังจากที่เมื่อวันศุกร์มาตรการดูแลค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ออกมาไม่ได้ทำให้เงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าชัดเจน
ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติยังเข้าลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก ขานรับปัจจัยบวกจากความคืบหน้าของพัฒนาการวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ล่าสุด ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ยื่นเรื่องต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เพื่อขออนุมัติการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 หากได้รับการอนุมัติก็คาดว่าจะฉีดวัคซีนดังกล่าวให้แก่ประชาชนอเมริกันได้ประมาณวันที่ 11-12 ธ.ค.นี้ ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มวัฏจักรต่างๆ เช่น กลุ่มพลังงาน แบงก์ ปิโตรเคมี เพราะคาดว่าวัคซีนจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้เร็วกว่าคาด
ขณะเดียวกัน ตัวเลขส่งออกเดือน ต.ค.ของไทยที่ออกมาในวันนี้ -6.71% ไม่ได้ผิดจากที่คาด และประเมินว่าทั้งปี 63 ตัวเลขส่งออกของไทยอาจจะอยู่ในระดับ -7% ซึ่งดีขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะติดลบในช่วง 8-10% ช่วยหนุนภาพรวมตลาดให้ดูดีขึ้น และบดบังความกังวลต่อสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองในประเทศที่ล่าสุดยังไม่มีสถานการณ์ของความรุนแรงมากนัก
ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,420.43 จุด เพิ่มขึ้น 31.09 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +2.24% มูลค่าการซื้อขาย 105,036.78 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มการซื้อขายวันพรุ่งนี้ คาดว่าดัชนีจะยังปรับตัวขึ้นได้จากเงินทุนไหลเข้า น่าจะยังมีแรงเก็งกำไรเข้ามาในช่วงที่รอการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 อย่างไรก็ตาม การที่ดัชนีดีดตัวขึ้นมาแรงก็อาจจะทำให้ภาพรวมแกว่งตัวผันผวนได้ โดยมองแนวต้านที่ 1,450 และแนวรับที่ 1,400 จุด
