แบงก์กรุงเทพเผยยอดบัตรใหม่-ใช้จ่ายผ่านบัตรไม่เข้าเป้า เหตุภาวะโดยรวมไม่เอื้อ พร้อมช่วยเหลือลูกค้าเต็มที่ กดดอกเบี้ยต่ำสุดที่ 12% พักชำระต่อ 3 เดือน ปรับโครงสร้างเป็นระยะยาว เล็งปรับรายได้ขั้นต่ำเป็น 2.5-3 หมื่นบาทต่อเดือน คุมเข้มความเสี่ยง
นายโชค ณ ระนอง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ (BBL) กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ยังไม่น่าจะฟื้นตัวได้มากนัก เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวยังไม่กลับมา และคาดว่าน่าจะเวลาไม่ต่ำกว่า 12 เดือนจึงจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็กระทบกับธุรกิจบัตรเครดิตและผู้ถือบัตรของธนาคารด้วย โดยยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตขณะนี้ลดลงประมาณ 11-12% จากช่วงที่ลดลงต่ำสุดช่วงล็อกดาวน์ที่ 16-17% ขณะที่ยอดบัตรใหม่ปัจจุบันอยู่ที่ 180,000 ใบ และคาดว่าสิ้นปีน่าจะแตะที่ 200,000 ใบ จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 280,000 ใบ และจากฐานบัตรรวมของธนาคารที่ 2.5 ล้านใบ
ด้านสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามสภาพที่เป็นไปโดยขณะนี้อยู่ที่ 2.6% จากสิ้นปีที่ 2.15% ขณะที่ผู้เข้าโครงการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีจำนวน 35,000 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ก็สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ คงมีสัดส่วนประมาณ 20-25% ที่ยังคงต้องเข้าโครงการต่อ โดยธนาคารก็จะให้ความช่วยเหลือต่อเนื่อง เช่น การพักชำระหนี้ต่ออีก 3 เดือน การปรับโครงสร้างเป็นหนี้ระยะยาวเพื่อลดภาระดอกเบี้ย หรือการลดดอกเบี้ยเหลือต่ำสุด 12% จากเพดานสูงสุดที่ ธปท.กำหนดที่ 16%
นายโชค กล่าวอีกว่า ในระยะต่อไปธนาคารคงยังไม่เน้นที่จะเพิ่มจำนวนบัตรใหม่ เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่เอื้ออำนวย และน่าจะมีการปรับฐานรายได้ขั้นต่ำไปในกลุ่มรายได้ 25,000-30,000 บาทต่อเดือนจากปัจจุบัน 20,000 บาทต่อเดือน เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวมีหนี้ครัวเรือนที่ค่อนข้างสูงอยู่แล้วจึวควรคุมความเสี่ยงให้มากขึ้น พร้อมทั้งหันไปเน้นด้านการใช้จ่ายอุปโภคบริโภค และการท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น
**อัปเกรดบัตรร่วมศิริราช**
ล่าสุด ธนาคารกรุงเทพสานต่อโครงการบัตรร่วมกับโรงพยาบาลศิริราช อัปเกรดสิทธิประโยชน์ "บัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ทีพีเอ็น แรบบิท ศิริราช" ให้ฟรีประกันอุบัติเหตุ พร้อมค่ารักษาพยาบาล แตะจ่ายได้เหมือนบัตรแรบบิท ขณะที่ "บัตรเครดิตวีซ่า แพลทินัม ศิริราช" ให้ผ่อนจ่ายค่ารักษาค่ารักษา 0% นาน 3 เดือน พร้อมส่วนลด คะแนนสะสมจัดเต็ม ฟรีตรวจสุขภาพ โดยบัตรร่วมทั้ง 2 ประเภทดังกล่าว ถือเป็นผลิตภัณฑ์บัตรของธนาคารกรุงเทพที่เข้าใจและตอบโจทย์อินไซด์ผู้บริโภครุ่นใหม่ โดยที่ผ่านมาบัตรร่วมศิริราชนี้ ได้รับการตอบรับสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ปัจจุบันมีผู้ถือบัตรรวมกว่า 1.4 ล้านราย และมียอดบริจาคของลูกค้าและเงินสมทบธนาคารแก่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล _รวมกว่า 275 ล้านบาทในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา และเชื่อมั่นว่าการต่อสัญญาในครั้งนี้จะช่วยสานต่อความมุ่งมั่นสร้างสรรค์ประโยชน์แก่สังคมโดยรวมต่อไป โดยคาดหวังจะมีลูกค้าผู้ถือบัตรทั้ง 2 แบบเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านราย ภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ธนาคารจึงได้จัดแคมเปญระหว่างวันที่ 20 พฤศจิกายน 2563-20 มีนาคม 2564 เพื่อเชิญชวนผู้ถือบัตรเครดิตกรุงเทพแลกคะแนนสะสมแทนเงินบริจาคสมทบ "โครงการทุนวิจัยเพื่อผู้ป่วย" เพื่อสนับสนุนงานวิจัยเพื่อลดการแพร่กระจายไวรัสโควิด-19 โดยคะแนนสะสมทุก 1,000 คะแนน แทนเงินบริจาค 120 บาท และพิเศษหากใช้คะแนนจากบัตรเครดิตวีซ่า แพลทินัม ศิริราช ทุก 1,000 คะแนน แทนเงินบริจาค 200 บาท