“ศุภาลัย” เผยไตรมาส 3/63 รายได้รวม 6,003.97 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3% ขณะที่กำไรสุทธิลดลง 53.60 ล้านบาท 1,216.57ล้านบาท หรือลดลง 4% เหตุกำไรขั้นต้นลดลง ส่วนรายได้ 9 เดือนอยู่ที่ 12,875.02 ล้านบาท ลดลง 23% แจงแบ็กล็อกในมือ 40,527 ล้านบาท คาดทยอยรับรู้รายได้ 8,431 ล้านบาทในสิ้นปีนี้
นางศิริพร วังศพ่าห์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผลการดําเนินงานไตรมาสที่ 3/63 ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 6,003.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสเดียวกันของปี 62 ซึ่งมีรายได้รวมที่ 5,842.37ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ 5,824.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 180.64 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์บ้านและทาวน์เฮาส์ 66% และเป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด 34% และมีกำไรสุทธิ 1,216.57ล้านบาท ลดลง 53.60 ล้านบาท หรือลดลง 4% จากไตรมาส 3 ปี 62 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 1,270.17 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากอัตรากําไรขั้นต้นปรับลดลง จากสัดส่วนรายได้การโอนกรรมสิทธิ์บ้านและทาวน์เฮาส์ที่เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน
แต่อย่างไรก็ตาม กําไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานเพิ่มขึ้นเป็น 0.62 บาทต่อหุ้น โดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 0.59 บาทต่อหุ้น เนื่องจากในไตรมาส 1 ปีนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารการเงินภายในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 3,000 ล้านบาท เป็นจํานวนไม่เกิน 200 ล้านหุ้น โดย ณ 30 ก.ย.63 หุ้นทุนซื้อคืนมีจํานวนเท่ากับ 2,999.99 ล้านบาท ทําให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯลดลง
ขณะเดียวกัน ในส่วนของรายได้ ณ 9เดือน ศุภาลัย อยู่ที่ 12,875.02 ล้านบาท ลดลง 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 16,734.55 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาฯ 12,362.73 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 3,853.43 ล้านบาท หรือลดลง 24% โดยแบ่งเป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์บ้านและทาวน์เฮาส์ 74% และที่เหลือ 26% เป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องรชุด
ทั้งนี้ การลดลงของรายได้ในไตรมาสนี้สาเหตุหลักๆ เกิดจากผลกระทบสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่เกิดขึ้นในวงกว้าง ช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.63 ที่ผ่านมา และบริษัทฯ มีโครงการอาคารชุดที่สร้างเสร็จและครบกําหนดโอนกรรมสิทธิ์ในครึ่งปีหลังของปี 63 จํานวน 4 โครงการ โดยได้เริ่มโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดไปจํานวน 2 โครงการ ในไตรมาส 3 ปี 63 จากสาเหตุผลดังกล่าวทําให้ผลประกอบการสําหรับงวด 9 เดือนของปีนี้มีกําไรสุทธิเท่ากับ 2,386.62 ล้านบาท ลดลง 1,177.70 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 3,563.69 ล้านบาท หรือลดลง 33%
อย่างไรก็ตาม ณ ก.ย.63 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมียอดขายบ้านและอาคารชุดพักอาศัยรอรับรู้รายได้ในมือ 40,527 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถทยอยโอนหรือรับรู้รายได้ในอีก 3 เดือนข้างหน้า 8,431 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 32,096 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ในอีก 4 ปีถัดไป