PIMO ทำได้ตามคาด!! โชว์งบ Q3/63 สวย กำไรโตเกือบ 3 เท่าตัว อยู่ที่ 32.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 157.84% จากงวดเดียวกันปีก่อนทำได้ 12.50 ล้านบาท รับอานิสงส์คำสั่งผลิตมอเตอร์สระว่ายน้ำเต็มยาวถึงปลายปี ฟากสหรัฐฯ ประกาศตัดสิทธิจีเอสพีไทยสิ้นปีนี้ยืนยันไม่กระทบธุรกิจ ส่วนเป้าหมายรายได้ทั้งปีคาดมากกว่า 700 ล้านบาท ส่งทีมขายเดินหน้าเพิ่มฐานลูกค้าใหม่
นายวสันต์ อิทธิโรจนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนียร์ มอเตอร์ จำกัด (มหาชน) PIMO ผู้ประกอบธุรกิจหลัก ได้แก่ ผลิตมอเตอร์ไฟฟ้าเครื่องปรับอากาศ (Air Conditioning Motor) มอเตอร์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมทั่วไป (Induction Motor) เครื่องสูบน้ำ ปั๊มหอยโข่ง มอเตอร์สำหรับสระว่ายน้ำ มอเตอร์สำหรับปั๊มบ้าน (Submersible Pump, Pool Spa Pump and Home Pump) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2563 มีรายได้รวมอยู่ที่ 239.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.08 ล้านบาท หรือ 34.16% เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 178.83 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 32.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.73 ล้านบาท หรือ 157.84% เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 12.50 ล้านบาท
ส่วนช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 มีรายได้รวมอยู่ที่ 587.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.23 ล้านบาท หรือ 14.46% เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 513.49 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 62.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.15 ล้านบาท หรือ 190.77% เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 22.75 ล้านบาท
เนื่องจากความต้องการสินค้ามอเตอร์สระว่ายน้ำที่ส่งออกไปให้ลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทฯ มีคำสั่งซื้อล่วงหน้าเข้ามาเต็มจนถึงสิ้นปีเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มประสิทธิภาพด้านความสามารถในการทำกำไร ทั้งการบริหารจัดการต้นทุน การควบคุมต้นทุน พัฒนานวัตกรรมในการผลิตอีกด้วย
“มอเตอร์สระว่ายน้ำของ PIMO คุณภาพถือว่าอยู่ในระดับต้นๆ เมื่อไปเทียบกับคู่แข่งเราไม่แพ้เขา อีกประการมอเตอร์ปั๊มน้ำเวลาไปใส่ในแบรนด์ของลูกค้าจะเป็นแบรนด์ของลูกค้าไม่ใช่แบรนด์เรา ซึ่งเราเรียกว่า OEM คนที่ซื้อก็จะเป็นรายใหญ่ เมื่อเขาเป็นรายใหญ่เขาก็ต้องคัดสรร มีมาตรการในการตรวจสอบมอเตอร์ที่หลากหลาย ซึ่งการทดสอบที่หลากหลายมันก็เป็นกำแพงที่กั้นคู่แข่งในเชิงของคุณภาพ” นายวสันต์ กล่าว
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าการเติบโตของบริษัทฯ จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการพัฒนานวัตกรรมที่นำมาใช้สำหรับการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพมากขึ้น โดยรายได้รวมคาดว่าจะอยู่ที่ 700 ล้านบาทขึ้นไป เพิ่มขึ้นประมาณ 5-10% และเติบโตต่อเนื่องในปี 2564 เพราะได้รับปัจจัยสนับสนุนหลักๆ ประกอบด้วย 1.ผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ การพัฒนามอเตอร์สระว่ายน้ำที่ได้ลงทุนและพัฒนาเพิ่มขนาด 2.8 แรงม้า เพื่อส่งออกไปจำหน่ายในตลาดประเทศ และปั๊มน้ำหอยโข่ง ขนาด 1 และ 1.5 แรงม้า 2.คำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหญ่ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ 3.ลูกค้าเดิมในต่างประเทศสั่งผลิตสินค้ารุ่นใหม่ๆ สำหรับเครื่องปรับอากาศ (BLDC HVAC MOTOR) เพิ่มขึ้น และ 4.การขยายกำลังการผลิตมอเตอร์ ประเภทความเร็วปรับรอบได้ Variable Speed Motor (BLDC) เพิ่มขึ้น ตามความต้องการของลูกค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการมีกฎหมายบังคับใช้เครื่องมอเตอร์ประเภทความเร็วปรับรอบได้ (BLDC) ภายในสระว่ายน้ำในประเทศสหรัฐอเมริกาในปีหน้า
“สินค้าของ PIMO มีการขายเป็นฤดูกาลอยู่แล้ว ถ้านักลงทุนศึกษาข้อมูลของ PIMO ย้อนหลังกลับไปหลายๆ ปี ดูตัวเลขยอดขายก็ดี กำไรก็ดีจะพบว่าไตรมาส 3 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะต้องผลิตสินค้าเพื่อส่งออกไปประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลัก มีโรงงานปั๊มน้ำทั้งหมด 7 ราย ซึ่งปัจจุบันเป็นลูกค้า PIMO อีกทั้งเป็นการเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน จึงมีกำลังสั่งผลิตเข้ามาจนเต็มกำลังการผลิตถึงธันวาคมเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีทีมขายที่แข็งแกร่งทำให้มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกด้วย” นายวสันต์ กล่าวในที่สุด
ทั้งนี้ ตามที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ประกาศระงับการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือ GSP แก่สินค้าไทยครั้งล่าสุด โดยมีผลบังคับใช้ 30 ธันวาคม 2563 ครอบคลุมกว่า 200 รายการสินค้านั้น ปรากฏว่าไม่มีสินค้าหมวดมอเตอร์ไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากสินค้าหมวดมอเตอร์ไฟฟ้าถูกตัดสิทธิ GSP แล้วตั้งแต่เมื่อเดือนเมษายน 2563 ซึ่งครั้งนั้นตัดสิทธิครอบคลุมสินค้ากว่า 573 รายการ รวมถึงมอเตอร์ไฟฟ้าด้วย