หุ้นไทยปิดพุ่ง 41.88 จุด รับแรงซื้อกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้น ศก.ของไบเดน โดยมีการเข้ามาซื้อหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มอื่นที่ราคาหุ้นได้ปรับตัวลงไปมากแล้ว สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้คาดตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปได้
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างเคลื่อนไหวในแดนบวกกัน ตอบรับคาดการณ์ว่า นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต มีโอกาสที่จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งนี้ ทำให้มีการเข้ามาซื้อหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายของนายไบเดน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างการเข้ามาซื้อหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มอื่นที่ราคาหุ้นได้ปรับตัวลงไปมากแล้ว อย่างหุ้น CPF, CPALL จนดัชนีหุ้นไทยทะลุแนวต้านสำคัญ 1,230 และ 1,250 จุดขึ้นไปได้
นอกจากนี้ เชื่อว่าน่าจะมีการทำ Short covering ด้วย ซึ่งวันนี้มองว่ากองทุนระยะสั้นน่าจะเข้ามาซื้อเป็นการเล่นตามโมเมนตัมตลาด โดยนักลงทุนเปลี่ยนตัวเล่นจากหุ้นขนาดเล็กหันไปเล่นขนาดใหญ่ แต่คนก็ยังไม่กล้าเล่นหุ้นในกลุ่มแบงก์ เพราะกลุ่มนี้เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นก็ยังพร้อมที่จะปรับตัวลงไปได้อีก ขณะที่กลุ่มโรงไฟฟ้าคนกล้าที่เข้ามาซื้อเพราะมีปันผลดี ทั้งนี้ มองว่านักลงทุนยังคงเลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัวอยู่ โดยวันนี้ก็เลือกหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี ตลาดยังมีปัจจัยรออยู่ในเรื่องการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และปัจจัยการเมืองในประเทศ ที่ยังต้องติดตามการชุมนุมทางการเมือง รวมถึงยังต้องติดตามผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการด้วย ส่วนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รอบนี้ไม่น่าจะมีอะไร แต่ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันนี้ ซึ่งรอดูว่าจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรออกมาหรือไม่ เนื่องจากอังกฤษมีการล็อกดาวน์หลังเผชิญการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19
ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,264.32 จุด เพิ่มขึ้น 41.88 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +3.43% มูลค่าการซื้อขาย 80,914.90 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (6 พ.ย.) นายถนอมศักดิ์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปได้ โดยมีกรอบการแกว่งที่ 1,250-1,280 จุด